นายสุชีน เอ่งฉ้วน อดีต ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง
กรณีที่รัฐบาลสั่งควบคุมตัวเเกนนำชาวสวนยางภาคใต้ ที่จะเข้ามาเรียกร้องความช่วยเหลือ (ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เองก็เคยเป็นตัวแทนชาวบ้านไปยื่นหนังสือมาเเล้ว เเต่ก็ไม่ได้รับการเเก้ไขปัญหานั้น)
นายสุชีน กล่าวว่า รัฐบาลควรที่จะทำความเข้าใจกับปัญหาอย่างจริงใจมากกว่าการควบคุมตัวชาวบ้านที่เดือดร้อนไปปรับทัศนคติเพื่อให้เรื่องมันจบ วิธีการดังกล่าวรัฐบาลทำเสมือนปัดสวะให้พ้นตัว เพราะการที่ราคายางพาราปรับตัวลดลง เกิดปัญหาราคายางพาราตกต่ำติดต่อกันมาหลายปี และยังไม่ได้รับการแก้ไขนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างยาวนาน บางส่วนต้องกู้เงินนอกระบบมาเป็นค่าใช้จ่าย มีหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้น
.
นายสุชีน กล่าวว่า รัฐบาลควรมีมาตรการการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมมีประสิทธิภาพ เช่นจัดให้มีการแยกประเภทเกษตรกรผู้ปลูกยางพารารายย่อย และรายใหญ่ อาจกำหนดให้ผู้ที่มีพื้นที่ปลูกยางพาราจำนวนไม่เกิน 20 ไร่ คือ เกษตรกรรายย่อย มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกยางอยู่ 3 ประการ
ประการที่1 รับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าตลาด กิโลกรัมละ 20 บาท
ประการที่ 2 เร่งดำเนินการพักชำระหนี้ ธ.ก.ส.
ประการที่ 3 สนับสนุนเงินทุน หรือ อาจหาวิธีบริหารเรื่องหนี้นอกระบบของเกษตรกร
นายสุชีน กล่าวต่อว่า มาตรการระยะกลาง รัฐบาลควรมีมาตรการ การส่งเสริมให้เกษตรมีอาชีพเสริม เช่น การเลี้ยงไก่-เป็ด หรือทำปศุสัตว์อื่นๆ เพื่อเพิ่มรายได้ ส่งเสริมหรือจัดการอบรมหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ โดยมีภาครัฐเป็นตัวกลางสนับสนุนทั้งแหล่งความรู้ เเละเงินทุน
นายสุชีน กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังมีมาตรการการแก้ไขปัญหาระยะยาว 2 ประการ
ประการแรก จัดสรรพื้นที่ปลูกยางพาราให้เหมาะสมกับปริมาณความต้องการของตลาด ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นที่เป็นที่ต้องการของตลาดเช่น ทุเรียน มะพร้าว เป็นต้น
ประการที่สอง จัดปรับปรุงพันธุ์ยางพาราเพื่อให้มีผลผลิตที่สูงขึ้น มีคุณภาพขึ้น เพื่อยกระดับราคาให้เหมาะสมในอนาคต