ผันน้ำช่วยภัยแล้งอำเภออีสานเมืองกาญจน์ เหตุเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าสำคัญใกล้สูญพันธุ์ และเป็นเรื่องของความมั่นคงต่อระบบนิเวศโดยรอบ
วันนี้ 16 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลการคัดค้านโครงการสร้างอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง อ.ห้วยกระเจา อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ของกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยระบุว่า
“มูลนิธิสืบนาคะเสถียรขอคัดค้านการผ่านรายงานการสร้างอุโมงค์ผันน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี ของกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จากการประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำครั้งที่ 26/2566 หากดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการแล้ว สามารถเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
สืบเนื่องจากการก่อสร้างอุโมงค์ผ่านน้ำในบริเวณพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าสำคัญใกล้สูญพันธุ์ และเป็นเรื่องของความมั่นคงต่อระบบนิเวศโดยรอบ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังเป็นป่าผืนเดียวกันกับทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ส่งผลให้รอยต่อของป่าทุกตารางนิ้วนั้นมีความสำคัญต่อระบบนิเวศโดยรวมของพื้นที่ ความต่อเนื่องของเขตป่านั้นจะเป็นประโยชน์แก่การขยายพันธุ์และการหาอาหารของสัตว์ป่า
พื้นที่ก่อสร้างในบริเวณนี้มีลักษณะเป็นภูเขาและที่สูง มีพื้นที่ด้านเหนือและด้านตะวันตกอยู่ในอำเภอศรีสวัสดิ์ ถัดไปด้านตะวันออกเป็นเขตที่ราบเชิงเขา อยู่ในอำเภอบ่อพลอย อำเภอหนองปรือ อำเภอเลาขวัญ และอำเภอห้วยกระเจา พื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งมีปัญหาเรื่องสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น ช้างป่า
หากมีการขุดเจาะอุโมงค์อาจเป็นการเพิ่มโอกาสให้เกิดปัญหาสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่มากขึ้น และเพิ่มปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า เนื่องจากโครงการนี้ไม่ได้มีการลงพื้นที่สำรวจอย่างจริงจัง มีเพียงแต่การใช้ข้อมูลทุติยภูมิประกอบการทำรายงาน ซึ่งอาจทำให้ขาดข้อมูลที่สำคัญ เนื่องจากไม่ได้อัปเดตข้อมูลปัจจุบันของสภาพแวดล้อมโดยรอบในเรื่องของนิเวศป่าไม้ สัตว์ป่า และสภาพทางธรณีวิทยา พื้นที่ตามแนวอุโมงค์เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งจากเครื่องจักรและคนที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ หากดำเนินการจะเป็นการรบกวนถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าอย่างรุนแรง รวมทั้งอาจมีปัญหาการเข้าบำรุงรักษาพื้นที่แนวอุโมงค์
กรมชลประทานและสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ยังมีทางเลือกอื่นที่จะสามารถบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรีโดยไม่ต้องใช้ทางเลือกที่ส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยตรงและควรดำเนินการเลือกพื้นที่เหมาะสมนอกพื้นที่คุ้มครอง”มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง อ.ห้วยกระเจา อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองไปช่วยลุ่มน้ำท่าจีน ศึกษาความเหมาะสมโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ผันน้ำปีละ 378 ล้านลูกบาศก์เมตร และเสร็จเมื่อเดือนเมษายน 2564
งานที่ดำเนินการ 1.อุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ ไปอ่างเก็บน้ำลำอีซู (ขยาย) ขนาดอุโมงค์ 4.20 เมตร ความยาว 20.500 กิโลเมตร อัตราผันน้ำวันละ 1.036 ล้าน ลบ.ม. 2.ระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำอีซู (ขยาย) ถึงบ่อพักน้ำหลุมรัง ท่อส่งน้ำเหล็กเหนียว ขนาด 2.50 เมตร ความยาว 14.195 กิโลเมตร 3.บ่อพักน้ำหลุมรังขนาด 651 ไร่ ความลึกน้ำ 4.00 เมตร ความจุบ่อพักน้ำ 3.70 ล้าน ลบ.ม. และ 4.ระบบส่งน้ำจากบ่อพักน้ำหลุมรังไปพื้นที่รับประโยชน์ ประกอบด้วยคลองสายหลักเป็นคลองดาดคอนกรีตยาว 94.165 กิโลเมตร และท่อส่งน้ำสายซอยจำนวน 42 สาย ระยะทางรวมกัน 314 กิโลเมตร
/////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน