เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ที่สำนักงานกองเหมืองโรงไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ หรือโรงไฟฟ้าลิกไนท์กระบี่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หมู่ที่ 2 บ้านห้วยโศก ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้ นายสมปราชญ์ ปราบสงคราม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดแผนปฏิบัติการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขาจังหวัดกระบี่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 เจ้าหน้าที่ฝายปกครองและอาสารักษาดินแดนอำเภอเหนือคลอง และกำลังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 300 นาย เข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่พักอาศัย พืชผลอาสิน ของผู้บุกรุกพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของสำนักงานเหมืองกระบี่ โรงไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในท้องที่หมู่ที่ 2 บ้านห้วยโศก และหมู่ที่ 4 บ้านควนยูง ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ โดยมีนายประหยัด นิคมภักดิ์ หัวหน้ากองวางแผนพัฒนาแหล่งเชื้อเพลิง โรงไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยพันเอก สาธิต หนูประสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่และนายนิธิวุฒิ ระวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ นำกำลังเข้าร่วมปฏิบัติการ
. โดยก่อนหน้านี้ได้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล 3 ราย พร้อมชาวบ้าน 11 ราย เข้าไปบุกรุกพื้นที่ปักหลักจับจองพื้นที่และขึงรั้วลวดหนาม ทำรั้วปิดกันทางเข้าและออก ทั้งตัดโค่นล้มต้นปาล์มน้ำมัน และหยอดยาฆ่าตอต้นปาล์มน้ำมัน และปลูกต้นกล้าปาล์มน้ำมันอายุ 2 ปีขึ้นทดแทน ซึ่งเป็นการทำลายทรัพย์สินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของรัฐที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เข้าใช้ประโยชน์ซึ่งได้รับการเพิกถอนจากการเป็นค่าคุ้มครองป่าแหลมกรวดและป่าคลองบางผึ้ง ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 190 ปี พ.ศ. 2506 ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่าปี พ.ศ. 2481 เพื่อนำที่ดินมาใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเนื้อที่ 4,462 ไร่ และส่วนหนึ่งเป็นที่ดินของรัฐที่การไฟฟ้าลิกไนท์ถือครองเนื้อที่ 582 ไร่ โดยที่ดินได้ถูกจำแนกออกตามมติสภาบริหารคณะปฏิวัติ วันที่ 2 มีนาคม 2515 รวมที่ดินทั้งสองส่วนเนื้อที่ 5,044 ไร่ และได้เข้าทำประโยชน์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 จนถึงปัจจุบัน
ต่อมาในปี 2566 ได้มีกลุ่มนายทุนในพื้นที่เข้ามาบุกรุกพื้นที่ในเขตสวนปาล์มน้ำมัน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แบ่งเป็นของนายทุน 6 แปลงรวมเนื้อที่ 314 ไร่ ปลูกต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 4,880 ต้นและ ขนำ 6 หลัง ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มนายทุน ทั้ง 3 ราย ฐานกระทำความผิดบุกรุกยึดถือครองครองและทำให้เสียทรัพย์ที่ดินการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ฐานความผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ ปี พ.ศ.2484 และฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และให้ดำเนินคดีทางแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีราษฎรในพื้นที่อีก 11 ราย เข้ามาบุกรุกพื้นที่โดยการปักเสาแนวเขตพื้นที่ในการจับจองอีกกว่า 200 ไร่
ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพืชผลอาสินของกลุ่มนายทุนผู้บุกรุก นายบุญยิ่ง นบนอบ ได้นำคนงาน 20 คน พร้อมด้วยรถเทรนเลอร์บรรทุกรถแบคโฮ มาปิดทางเข้าและออก ของสำนักงานเหมืองการไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ เจ้าหน้าที่จึงได้เปลี่ยนเส้นทางใหม่เข้าไปในแปลงที่มีการบุกรุก เมื่อกลุ่มนายทุนทราบข่าวจึงเคลื่อนย้ายรถคันดังกล่าวเข้าไปในพื้นที่ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้นแต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำลายต้นปาล์มน้ำมันและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมนำของกลางไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันและแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
กระบี่/0936161469