EGCO ทุ่มงบลงทุน 3 หมื่นล้านบาท ปี 2567 สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม ตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าให้ได้ปีละ 1 พันเมกะวัตต์ เน้นพลังงานทดแทน สอดคล้องแผน Net Zero ลดปัญหาโลกร้อน ระบุยอมรับห่วงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Yunlin ในไต้หวันที่ล่าช้ามานาน เหตุสัญญาใหม่กำหนดติดตั้งกังหันลมให้ได้ 80 ต้น ภายในปี 2567 แต่มีเวลาติดตั้งแค่ 5-6 เดือนก่อนเข้าฤดูมรสุม หากไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ครบทันตามสัญญา อาจจะต้องมีการเสียค่าปรับในส่วนจำนวนของกังหันที่ติดตั้งไม่ครบ
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จํากัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า EGCO ตั้งเป้าจะผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นปีละ 1,000 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยยกเลิกการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหิน มาเน้นที่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี ค.ศ. 2040 และเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050
ทั้งนี้ EGCO ตั้งงบลงทุนในปี 2567 ไว้ทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตตามโครงการที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ขึ้นกับอัตราค่าเชื้อเพลิงเป็นหลักด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน EGCO ยังมีความเป็นห่วง โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม Yunlin ในไต้หวัน เนื่องจากเดิมเป็นโครงการที่กำหนดติดตั้งกังหันลมขนาดใหญ่ในทะเล บริเวณช่องแคบไต้หวัน-จีน จำนวน 80 ต้น กำลังการผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ให้เสร็จในปี 2564-2565 แต่เกิดปัญหาล่าช้าขึ้น ปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 33 ต้น กำลังผลิตไฟฟ้า 264 เมกะวัตต์
สำหรับนโยบายลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ของรัฐบาลที่ปรับลดทั้งค่าไฟฟ้าและค่าเชื้อเพลิงนั้น ที่ผ่านมายังไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากราคาค่าเชื้อเพลิงปรับลดลง และเชื่อว่ารัฐบาลมุ่งเน้นการดูแลค่าไฟฟ้าไม่ให้ปรับสูงเกินไป เพื่อช่วยจูงใจให้นักลงทุนยังคงลงทุนในประเทศไทยต่อไป
ส่วนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นั้น EGCO ยังสนใจนำเข้า LNG เพื่อมาใช้กับโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น แต่เนื่องจากปริมาณการนำเข้าคาดว่าจะไม่มาก ดังนั้น EGCO พร้อมเจรจากับผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) รายอื่นๆ เพื่อนำเข้า LNG ร่วมกันต่อไป