กรมส่งเสริมสหกรณ์ ผุดโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ พัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกสหกรณ์ หลังพบ 90%ของครัวเรือนเกษตรกรไทย มีหนี้สินจำนวนเฉลี่ยมากถึง4.5 แสนบาทต่อครัวเรือน และแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของประชาชนในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไตรมาส 3 ปี 2566 ขยายตัว 0.69% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน คิดเป็นสัดส่วนGDPของประเทศ 90.9% และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ การเงิน และการเมืองระหว่างประเทศ
ด้วยแนวโน้มสถานการณ์หนี้ครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น ดังกล่าว “กรมส่งเสริมสหกรณ์” ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่แนะนำส่งเสริมสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จึงจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรด้วยระบบสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระของสมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตร สหกรณ์นอกภาคการเกษตร และกลุ่มเกษตรกรอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันพบว่า90%ของครัวเรือนเกษตรกรไทย มีหนี้สินจำนวนเฉลี่ยมากถึง450,000บาทต่อครัวเรือน และพบว่า30% ของครัวเรือนมีหนี้คงค้างเกิน500,000บาท ในส่วนของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ระดับหนี้สินเฉลี่ยของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจาก 203,520บาทต่อคน
ในปี2564เพิ่มเป็น209,865.05บาทต่อคน ในปี2565หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 3.12% สมาชิกใช้บริการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในรูปเงินกู้ยืม ลูกหนี้การค้า และลูกหนี้บริการเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ ใช้ชำระหนี้สินเดิม ใช้จ่ายในครัวเรือน”
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562ถึงปี2566 กรมส่งเสริมสหกรณ์ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกอย่างจริงจัง และสามารถนำไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ต้องเริ่มจากการแยกอายุลูกหนี้ของสมาชิก จัดกลุ่มประเภทลูกหนี้ จัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหา
จากนั้นจึงจัดกลุ่มเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปดำเนินการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ เดินหน้าลดหนี้ต่อเนื่องไปพร้อมกับการสร้างอาชีพสร้างรายได้ เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรกินดีอยู่ดี เน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยระบบสหกรณ์