ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
สภาแพทย์แผนไทยแฉ “หมอกระดาษ” ยกเครื่องสู่มาตรฐาน CENTER สุขภาพ
20 ธ.ค. 2560

             ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งสุขภาพ อย่างที่พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศไว้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการแพทย์แผนไทย ที่มีชื่อเสียงและดังไปทั่วโลก และเวลานี้ธุรกิจประเภทนี้เกิดมากยังกับดอกเห็ด มีการเปิดสอน/อบรม ติว และสอบเพื่อรับใบประกอบโรคศิลป์  ถึงขั้น มีการซื้อขายใบรับรองประกอบโรคศิลป์กันเลยทีเดียว

             อปท.นิวส์ ได้สัมภาษณ์ นายแพทย์พิเชษฐ์ บัญญัติ นายกสภาการแพทย์แผนไทย องค์กรที่จะคอยควบคุม ตรวจสอบ รับรอง บุคคล องค์กร สถาบันที่มาทำหน้าที่การแพทย์แผนไทยให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับและสังคมต้องการ แต่เวลานี้กำลังเกิดอะไรขึ้นในธุรกิจแพทย์แผนไทย

บทบาทหน้าที่ของสภาการแพทย์แผนไทยครอบคลุมในเรื่องอะไรบ้าง

             การทำหน้าที่ของสภาการแพทย์แผนไทยเป็นไปตาม พ.ร.บ.วิชาชีพ มาตรา8 หน้าที่สำคัญๆได้แก่ 1.ส่งเสริมการศึกษา การพัฒนา การวิจัย การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย และการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ 2.ควบคุม กำกับ ดูแล และกำหนดมาตรฐานกาให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย และผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ 3.ควบคุมความประพฤติ จริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์?แผนไทยและผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ให้เป็นไปตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการแพทย์แผนไทย 4.ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่นในเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย 5.ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับวิชาชีพการแพทย์แผนไทย 6.ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก และ7.ผดุงไว้ซึ่งสิทธิ ความเป็นธรรม และส่งเสริมสวัสดิการให้แก้สมาชิก รวมถึงการเป็นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ของประเทศไทย

             อีกมาตราที่กำหนดหน้าทีของสภาการแพทย์ฯ คือมาตรา9 รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ งานสำคัญอีกประการคือรับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒบัตรในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยของสถาบันต่างๆทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก ต่อมาเป็นเรื่องของหลักสูตรสำรับการฝึกอบรมเป็นผู้ชำนาญการด้านต่างๆของวิชาชีพการแพทย์แผนไทยของสถาบันที่ทำการฝึกอบรมดังกล่าว พร้อมทั้งต้องรับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทำการฝึกอบรม สุดท้ายออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และออกหนังสือแสดงวุฒิอื่นในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย

การร้องเรียนน่าจะมีปัญหามากทีเดียวเพราะสภาฯดูแลยังไม่ทั่วถึง

             ต้องยอมรับว่าใช่ มีปัญหามากพอสมควร และการติดตามตรวจสอบเรื่องต่างๆก็ยากและเป็นอุปสรรค เนื่องจากสมาชิกของสภาฯมีมากและอยู่ในแต่ละภูมิภาคของประเทศ ซึ่งบางครั้งก็ไม่อาจเข้าถึงได้ สื่อต่างๆอาจเข้าถึงได้ยาก ที่สำคัญสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ   ที่สำคัญกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจพิเศษกับนายกสภาฯ แต่อย่างใด และช่วงนี้กำลังอยู่ในกระบวนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาการแพทย์แผนไทย บางคนเข้าใจผิดว่าไม่มีหนังสือสำคัญการเป็นสมาชิกสภาแพทย์แผนไทย และบัตรประจำตัวสมาชิกสภาแพทย์แผนไทย จะไม่สามารถเลือกตั้งได้และใน เดือนธันวาคม2560 ชุดนี้ก็ครบวาระแล้ว ผมเองเข้ามานั่งปีกว่าเอง ก็กำลังจัดระเบียบทุกอย่างเท่าที่ทำได้ตามกฏหมาย พ.ร.บ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย  2556  องค์ประกอบของสภาฯนั้น การเลือกตั้งนั้นจะมีผู้แทนมาจากโดยตำแหน่ง อย่างปลัดกระทรวง อธิบดีฯ ส่วนอีก3กลุ่มจะมาจาก ตัวแทนที่มาจากสภาบันหรือมหาวิทยาลัยที่มีการสอนแพทย์แผนไทย ขณะนี้ที่เป็นแผนไทยธรรมดาก็ประมาณ17แห่ง ส่วนแผนไทยประยุกต์มีอยู่9แห่ง เรียกว่าระบบ ข.  ตัวแทนต่อมาคือระบบข. ปัจจุบันมีสถาบันการเรียนการสอนแพทย์แผนไทยอยู่จำนวน79แห่ง และสุดท้ายคือระบบ ค. คือหมอวิชาชีพ

เลือกกันเองแต่สุดท้ายให้ได้34คน แล้วมาเลือกนายกสภาฯ   กลุ่มที่มีการร้องเรียนมากที่สุดหรือสร้างปัญหามากคือกลุ่มก. ซึ่งมีสมาชิกมากที่สุด2-3หมื่นคน กลุ่มนี้ค่อนข้างจะมีอิทธิพลมาก เพราะจะกระจายไปอยู่ในกลุ่มที่รียกว่าอนุกรรมการด้านต่างๆ โดยเฉพาะการจัดสอบ เพื่อได้ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์  สำหรับเจ้าหน้าที่เราเองก็เป็นอุปสรรคในการติดตาม ตรวจสอบ มากเช่นกันเพราะ สมาชิกมีมากกว่า40000คนทั่วประเทศ แต่เจ้าหน้าที่ในองค์กรมีแค่12คนเท่านั้น

กรณีเรื่องการได้มาของใบประกอบโรคศิลป์ และการตั้งสถาบันติว/อบรมกันเกลื่อน ภาพลักษณ์ของสภาฯเสียหายไปเยอะทีเดียว

             ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ใครที่เป็นแพทย์แผนไทยแบบถูกต้องก็มีอยู่2กรณี คือ คนที่ได้ใบประกอบโรคศิลป์ตามพ.ร.บ.แพทย์แผนไทยปี2556 กับหรือก่อนนี้ที่มีใบประกอบโรคศิลปฺ  สามารถเปิดคลินิกได้ที่เรียกว่าเวชกรรมไทย หรือ ขายยาได้ ที่เรียกว่า เภสัชกรรมไทย รวมถึงผดุงครรภ์ไทย และนวดไทย นี่ถูกกฎหมาย แต่ที่ผ่านมาหรือในอดีตอาจจะก่อนหน้าที่ผมมานั่งเป็นนายกฯ สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็จริง เพราะ การตรวจสอบ ควบคุมมาตรฐาน ของครู สภาบัน สถานศึกษา ยังหลวมอยู่มาก ทำให้เกิดกรณีต่างๆขึ้นในแวดวงแพทย์แผนไทย เท่าที่ได้ยินได้ฟังเพื่อนำมาจัดการแก้ไข มีตั้งแต่ตั้งสถาบันติวหรืออบรม ประกาศรับนักเรียน คิดหัวละ5,000-7,000บาท การจัดสอบและออกข้อสอบเพื่อหลอกตาเท่านั้น บางแห่งไม่สอน ติวข้อสอบให้เลย ที่ร้ายที่สุดคือ มีการซื้อใบประกอบโรคศิลป์ วงในเขาเรียกกันว่า “หมอกระดาษ” หมายความว่า ไม่ต้องอบรมไม่ต้องเรียนไม่ต้องสอบ ซื้อใบมาเลย ก็มี แม้ว่าทุกคน ทั้งอาจารย์หรือสถาบันที่เคยจับมือร่วมกันหากินแบบนี้ยังมีอยู่แต่สังคมเองต้องคอยตรวจสอบไปด้วย เชื่อว่าจะน้อยลงไปด้วย ผมเองในก็รับทราบเช่นกัน จริงๆแล้วการร้องเรียนมีการขึ้นศาลปกครองถึง10คดี อาทิเรื่องการจัดสอบ ข้อสอบไม่ตรง หรืออยากให้สภาฯทำในบางเรื่อง หรือเรื่องของผู้บริโภค เช่น นวดแล้วมีไข้ขึ้น รวมถึงการทำคลินิกนอกสถานที่ รถเร่ขายยา เอาสูตรยาที่ไม่มีการอ้างอิงมารักษา ฯลฯ

เป็นนายกสภาแพทย์แผนไทยมาปีกว่าได้กวาดบ้าน  ยกเครื่องการทำงานขององค์กรไปมากน้อยเพียงใด

             ก็ได้ทำไปหลายเรื่อง แต่ยังไม่เรียบร้อยมากนัก ข้อสำคัญเราทำไปตามกฎหมายที่ใช้อยู่ เรื่องสำคัญแรกสุดคือ การจัดระเบียบของ ครู นักเรียน สถาบันอบรม นั่นหมายความว่า ต้องกำหนดมาตรฐานของครูที่จะสอนหรืออบรมนักเรียนเพื่อจะไปประกอบอาชีพด้านแพทย์แผนไทย การสอน การสอบ วิชาที่สอน ครูที่สอน จำนวนนักเรียนที่เข้าอบรม สถาบันอบรม ทุกอย่างต้องมีการรับรองจากสภาฯทั้งหมด แล้วสภาฯจะประกาศรับรอง ถ้าไม่มีการรับรอง  ครู คนนั้น นักเรียน คนนั้น สถาบันนั้น คลินิกนั้น ไม่ถูกต้องทั้งสิ้น  อย่างเรื่องการสอบ ต้องสอบรวมกัน และเป็นข้อสอบกลาง ใบรับรองประกอบโรคศิลป์ในยุคผมต้องไม่มีการซื้อขาย สถาบันสอน/อบรมต้องกำหนดครู นักเรียน  ซึ่งทุกอย่างจะมีการรับรอง สุดท้ายมายื่นรับรองเป็นสถาบัน อย่างเช่นเวลานี้ มีสถาบันที่เรารับรองทุกอย่างแล้วมีจำนวน79แห่ง ใครจะมายื่นต้องปฏิบัติตามที่สภากำหนด  เรื่องครู ต้องจัดหลักสูตรใหม่ ร่วมกับคณะแพทย์ศาสตร์ อบรม5วัน รุ่นละ40คนเข้าคอร์สแบบเข้มข้นกันเลย ยังมีหลายอย่างที่คิดไว้ อาทิ อยากให้มีการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย อย่างน้อยปีละ2ครั้ง เพื่อที่จะทำให้ผู้ที่ขอสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยไม่ต้องทิ้งช่วงเวลาในการสอบนั้นนาน  สำหรับเรื่องมาตรฐานนั้น ผมตระหนักดีในภารกิจที่จะสร้างมาตรฐานและควบคุมการประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยของประเทศ ตามที่สังคมคาดหวัง มีการประกาศข้อบังคับสภาว่าด้วยการรับรองสถาบันหรือสถานพยาบาลและสถาบันอุดมศึกษาของรัฐหรือเอกชนที่สภาการแพทย์แผนไทยให้การรับรอง เพื่อให้เกิดการพัฒนามาตรฐานการพิจารณาหลักสูตรและสถาบัน

ในอนาคตสภาการแพทย์ฯต้องปรับตัวอะไรอีก

             ก็มีเรื่องสำคัญๆอีกหลายประการ เรื่องของเทคโนโลยี ต้องปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อสามารถก้าวทันโลกได้ และต้องนำมาใช้ในองค์กร เช่น การสมัครสอบ การขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาต การสมัครสมาชิก การทำผ่านเว็บไซต์จะสะดวกและรวดเร็ว ประหยัดเวลาด้วย เรื่องของการปรับใช้นวัตกรรม เกี่ยวกับแพทย์แผนไทย อาจจะต้องนำเครื่องมือ เทคโนโลยีต่างๆนำมาปรับใช้ให้ทันสมัยต่อเหตุการณ์ยิ่งขึ้น รวมถึงการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรของไทย ที่เราจะต้องรักษาและอนุรักษ์ไว้ เนื่องจากสมุนไพรบางอย่างเริ่มสูญพันธุ์ ควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปลูกสมุนไพรนั้นๆเพื่อใช้ในยามเจ็บป่วย โดยไม่ต้องไปพึ่งหมอ อีกประการเรื่องการศึกษาดูงานที่ต่างประเทศเป็นระยะๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดระบบการศึกษาการแพทย์แผนไทยในสถาบันการศึกษาหรือสถานพยาบาลที่สภาฯรับรอง หรือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐหรือเอกชนที่ผ่านการรับรอง เพื่อมาพัฒนาระบบของเรา

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...