กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายความร่วมมือออกหนังสือรับรองนิติบุคคล e-Certificate เพิ่มอีก 2 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารเกียรตินาคิน รวมเป็น 9 ธนาคาร มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศถึง 4,177 สาขา หลังเปิดให้บริการมา 6 ปี มีประชาชนเข้าใช้บริการถึง 731,231ราย ตอกย้ำ!!! ช่วยนักธุรกิจสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย เดินทางง่าย ทำธุรกิจคล่องตัว
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) ผ่านธนาคาร ซึ่งได้นำเทคโนโลยี "ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือDigital Signature” มาใช้ เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 20 มกราคม 2555 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจ ที่ผ่านมามีธนาคารพันธมิตรที่เปิดให้บริการมีจำนวน 7 ธนาคาร คือ กรุงเทพ กรุงไทย กสิกรไทย ออมสิน ไทยพาณิชย์ ธนชาต และมิซูโฮ ในวันนี้ (19 ธันวาคม 2560) กรมฯ ได้ขยายความร่วมมือกับธนาคารชั้นนำเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ทำให้ปัจจุบันมีธนาคารพันธมิตรที่เปิดให้บริการ e-Certificate จำนวน 9 ธนาคาร รวมทั้งสิ้น 4,177 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับบริการที่ธนาคารพันธมิตรจะให้บริการออกหนังสือรับรองนิติบุคคล และเอกสารประเภทต่างๆ ประชาชนสามารถยื่นคำขอผ่านอินเทอร์เน็ตล่วงหน้า และสามารถเดินทางมารับเอกสารได้ที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศที่มีสัญลักษณ์ e-Certificate หรือเดินทางมาขอรับบริการได้ที่สาขาของธนาคารโดยตรง โดยธนาคารจะเปิดให้บริการในวันทำการ ตั้งแต่เวลา 8.30 - 17.00 น. ซึ่งมีบริการครอบคลุมการออกเอกสาร ดังนี้ 1) หนังสือรับรองนิติบุคคลของห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด 2) รับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน งบการเงิน และบัญชีรายชื่อของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนบริษัทจำกัด บริษัทจำกัดมหาชน 3) หนังสือรับรองข้อความที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้ของการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 4) รับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน และงบการเงิน การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 5) รับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน งบการเงิน ทะเบียนสมาชิกสมาคมการค้าและหอการค้า
“วันนี้นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่กรมฯ ในฐานะภาครัฐกับสถาบันทางการเงินซึ่งเป็นหน่วยงานภาคเอกชนจะได้บูรณาการร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจ ทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการประหยัดเวลาในการเดินทาง ซึ่งการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารของนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) ผ่านธนาคาร เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ได้ออกประกาศรับรองระบบการพิมพ์ออกในระบบหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้เอกสารที่ออกโดยระบบฯ ดังกล่าวมีผลบังคับใช้เช่นเดียวกับต้นฉบับเอกสารทางราชการทั่วไป”
นายซูดาร์โก ฮาร์โซโน ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อย และลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ e-Certificate กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยธนาคารจะให้บริการผ่านทาง SME Business Center ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ให้กับลูกค้าธุรกิจ ทั้งนี้ ธนาคารฯ ได้มีการพัฒนาทางด้านดิจิทัล แบงกิ้ง และนวัตกรรมทางการเงินหลายด้าน เพื่อสนับสนุนลูกค้า SME ธนาคารจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถร่วมมือกับทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในด้านอื่นๆ เพื่อผลักดันลูกค้า SME ต่อไป”
ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล ประธานสายพัฒนาระบบงานช่องทางขายและผลิตภัณฑ์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า “ธนาคารฯ ขอขอบคุณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้เชื่อมั่นและเปิดโอกาสให้ธนาคารได้เข้าร่วมในโครงการให้บริการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการธุรกิจและประชาชนสามารถใช้บริการผ่านเครือข่ายธนาคารพันธมิตรได้ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า จากข้อมูลพบว่ามีสัดส่วนผู้ใช้บริการ e-Certificate เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารเกียรตินาคินได้ดำเนินการพัฒนาระบบเชื่อมต่อกับกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ธนาคารมั่นใจว่าระบบ e-Certificate จะช่วยผลักดันให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นศูนย์กลางข้อมูลทางการเงินที่ทันสมัย รวดเร็ว รองรับอัตราการขยายตัวของผู้รับบริการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ การให้บริการ e-Certificateมีผู้ใช้บริการให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา มีผู้มาใช้บริการมากถึง 731,231 ราย และระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2560 มีผู้ใช้บริการจำนวน176,598 ราย ขยายตัวมากถึงร้อยละ 14 เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2559 สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 1570 หรือ ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.dbd.go.th