กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ มูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา จัดการแสดงสุดยิ่งใหญ่ กับการแสดงโขนประกอบแสงสี เรื่องรามเกียรติ์ ชุด สัจจะพาลี ณ วัดไชยวัฒนาราม ผสานสองมรดกที่ขึ้นทะเบียนรับรองโดยยูเนสโก “โขน มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” และ “วัดไชยวัฒนาราม
วันที่ 9 มีนาคม นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นการแสดงโขนประกอบแสงสี เรื่องรามเกียรติ์ ชุด สัจจะพาลี ณ วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน เข้าร่วมพิธีเปิดครั้งนี้
นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ กล่าวว่า การจัดการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ชุด "สัจจะพาสี"โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับมูลนิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา นับเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะการแสดงแบบโบราณของไทยให้สืบทอดต่อไปอย่างยั่งยืน ซึ่งการน้ำมรดกโลกทั้งสองรายการ ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม โบราณสถานสำคัญในนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และการแสดงโขน มารวมอยู่ในที่เดียวกัน โดยใช้เทคนิคแสง สี เสียงสมัยใหม่ ประยุกต์เช้ากับการแสดงโขนแบบโบราณ ทำให้เกิดความตระการตาและประทับใจแก่ผู้ชม สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตามนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลการแสดงโขนประกอบแสงสี ณ วัดไชยวัฒนาราม เรื่องรามเกียรติ์ ชุด "สัจจะพาลี" ประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยสุดตระการตาและการออกแบบเวทีการแสดงให้กลมกลืนกับโบราณสถานในทุกมิติ เพื่อสร้างมโนภาพต่อผู้ชมให้เกิดความงดงามชวนตื่นตาตื่นใจ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 10 มีนาคม 2567 เวลา 19.00 น.ณ วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันมีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก บูรณาการร่วมกับ ศิลปะการแสดง "โขน" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากองค์การยูเนสโกเช่นกัน
สำหรับการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด "สัจจะพาลี" มีเนื้อเรื่องย่อกล่าวถึง พระอิศวรมอบาเหน็จความชอบแก่พญากากาศที่ชะลอเขาพระสุเมรุที่เอนทรุดให้ตั้งตรงได้ โดยประทานนามให้ว่า "พญาพาลีราช" และประทานตรีเพชรสุรกานต์ให้เป็นอาวุธประจำกายแล้วประทานพรว่า เมื่อต่อสู้ให้ได้กำลังศัตรูแบ่งมาสมทบครึ่งหนึ่ง จากนั้นจึงออกพระโอษฐ์ฝากผอบบรรจุนางเทพดาราไปประทานแก่สุครีพน้องชาย แต่พระนารายณ์ทูลทัดทานว่าไม่ควรฝากไปเกรงจะไม่ถึงสุครีพ พาลีจึงถวายสัตย์ว่าหากตนทรยศน้องชายขอให้ตายด้วยพระนารายณ์ เมื่อกลับถึงเมืองขีดขิน พาลีก็ผิดสัตย์สาชานจนถูกพระนารายณ์อวตารตามมาสังหารชีวิต พร้อมได้ไพร่พลวานรมาเป็นข้าทหารตามสัตย์สัญญาที่สุครีพให้ไว้ พระรามจึงยกกองทัพข้ามสมุทรไปทำสงครามหารทศกัณฐ์ที่ลอบลักนางสีดามเหสีมาไว้ที่กรุงลงกา เมื่อเสร็จศึกพระพรดพระสัตรุดและสามพระมารดาเสด็จพระราม นางสีดา และพระลักษมณ์กลับคืนสู่กรุงศรีอยุธยา พระรามเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยรากษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยายังความปลาบปลื้มโสมนัสแก่เหล่าบรรดาเทพบุตรนางฟ้า มาร่วมรำถวายพระพรคลให้ทรงพระเจริญ