นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. มีมติอนุมัติแผนวิสาหกิจและงบลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2561-2565) วงเงินรวม 3.4 แสนล้านบาท ตามกลยุทธ์ 3D คือ Do now Decide now และ Design now ได้จัดสรรงบประมาณที่ต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ประกอบด้วย
Do now เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โดยการเพิ่มผลผลิต (Productivity Improvement) จากธุรกิจปัจจุบัน ให้ผลประกอบการอยู่ในระดับชั้นนำ จำนวน 31.2 พันล้านบาท โครงการที่สำคัญได้แก่การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ลดต้นทุนการผลิต
Decide now เร่งตัดสินใจการลงทุนเพื่อการเติบโต โดยมุ่งเน้นความชำนาญในธุรกิจปัจจุบัน ให้ความสำคัญการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานสะอาด การเติบโตในธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก รวมถึงการใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ จำนวน 134.9 พันล้านบาท โครงการที่สำคัญ อาทิ โครงการขยายท่อส่งก๊าซและคลังรับก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) (LNG Receiving Terminal) และโครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ (EECi) เป็นต้น
Design now ลงทุนใน New S-Curve เพื่อการเติบโตในระยะยาว ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลก เทคโนโลยีใหม่ พฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มการใช้พลังงานสะอาด และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 จำนวน 16.3 พันล้านบาท มีทิศทางการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System), Life Science, Venture Capital เป็นต้น
ปตท. ยังได้ตั้งงบประมาณเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% ได้แก่การโอนกิจการน้ำมันให้ PTTOR เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน จำนวน 159.6 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มทุนในบริษัท PTTOR
นอกจากนี้ ปตท. ยังจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (provisional) อีกจำนวน 245.2 พันล้านบาท รองรับการลงทุนใหม่และที่จะเป็น New S-Curve ของ ปตท. ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า อาทิ โครงการ Ethane Extraction และ Electric Value Chain เป็นต้น
“ปตท. จัดทำแผนธุรกิจและตั้งงบประมาณเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะรักษาความมั่นคงทางพลังงานของคนไทย ขยายการลงทุนเพื่อการเติบโตของธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เพื่อนำแบรนด์ ปตท. และพันธมิตรของธุรกิจค้าปลีก ไปสร้างชื่อเสียงและรายได้ในต่างประเทศ สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมเพื่อแสวงหาโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ในพื้นที่ EEC ควบคู่กับการขับเคลื่อนรูปแบบธุรกิจแบบมีส่วนร่วม (Inclusive Business) โดยจะเริ่มการลงทุนร่วมกับชุมชนในลักษณะวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise (SE)) เช่น โครงการร้าน Café Amazon สำหรับผู้พิการ โครงการรับซื้อกาแฟตรงจากชุมชน เป็นต้น ทั้งหมดนี้เพื่อให้ ปตท. เป็นสมบัติของชาติที่คนไทยภาคภูมิใจ” นายเทวินทร์ กล่าว