ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พลตำรวจตรี นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พันตำรวจเอก บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอก ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอก วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอก สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอก มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พันตำรวจเอก กรณ์ สมคะเณย์ ผกก. ตม.จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกำลัง พันตำรวจเอก ภคพล สุชล ผกก. 2 บก.ทล.พร้อมกำลัง พันเอก พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ฉก.ลาดหญ้า พร้อมกำลัง พันตำรวจเอกสุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) พร้อมกำลัง พันตำรวจเอก มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สืบสวนจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกำลัง นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ และกำลังจนท.ฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดที่ลักลอบนำเข้าจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะยาเสพติด แรงงานผิดกฎหมายและสินค้าการเกษตร
โดย ผู้บังคับบัญชาข้างต้นได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย และต่อมาทางเจ้าหน้าที่กำลังชุดของ พันตำรวจเอก ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอก วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอก สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอก มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
สำหรับรายแรก ได้ตรวจสอบพบรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน กค 4907 สุพรรณบุรี โดยมี นายสายชล แสงพระจันทร์ อายุ 36 ปี เป็นชาวอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นคนขับนำพาแรงงานเมียนมา ชาย หญิง และ เด็ก จำนวน 10 คน อายุ 1 ปี ถึง 33 ปี โดยได้จอดอยู่บริเวณหน้าองค์พระหน้าวัดท่าขนุน ก่อนถึงด่านสามแยกทองผาภูมิ ประมาณ 1 กม.
รายที่สอง เป็นรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บห 670 กาญจนบุรี โดยมี นายกันกร พลทะแสง อายุ 25 ปี ชาวอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นคนขับ พร้อมแรงงานชาวเมียนมา ชาย หญิง และเด็ก จำนวน 11 คน มีอายุตั่งแต่ 1 ปี ถึง 36 ปี
รายที่สาม ขณะที่เจ้าหน้าที่สนธิกำลังปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิหมู่ 1 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ พบรถยนต์กระบะคอก ยี่ห้อ มิสซูบิชิ รุ่น ไทรทัน สีเทา หมายเลขทะเบียน บว 4316 กาญจนบุรี กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ขับตามหลังรถบรรทุกพ่วง ลงมาจากอำเภอสังขละบุรี เมื่อมาถึงด่านตรวจสามแยกทองผาภูมิ ร้อยตำรวจตรี สมภพ ขันธ์คำ (หรือหมวดหมู) รอง สวป.สภ.ทองผาภูมิ ได้ส่งสัญญาณมือพร้อมเคาะกระจกรถเพื่อเรียกให้หยุด แต่คนขับไม่ยอม และได้พยายามขับหลบหนี หมวดหมู จึงตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนรถพร้อมตะโกนให้คนขับหยุดตลอดทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ เห็นเหตุการณ์ จึงรีบขอกำลังเสริมแล้วขับรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งไปถึงบริเวณแยกองธิ หมู่ 2 ตำบลท่าขนุน ที่อยู่ห่างจากด่านตรวจไปประมาณ 5 กิโลเมตร คนขับเห็นท่าว่าจะหนีไม่รอด จึงจอดรถทิ้งเอาไว้ข้างทางแล้วพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า แต่เจ้าหน้าที่ได้พยายามวิ่งไล่ติดตามไปและสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้อย่างทุลักทุเล ทราบชื่อต่อมาคือนายพงศ์โชค ว่องวงค์อารี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/7 หมู่ 1 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
จากการตรวจค้นภายในรถพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั่งแออัดกันอยู่ภายในห้องโดยสารทั้งบริเวณเบาะหน้าและแคปหลัง นับรวมกันได้ จำนวน 10 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 3 คน หลังจากเจ้าหน้าที่คุมตัวเอาไว้ได้ จึงนำรถยนต์พร้อมผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่จุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ โดยมี พันตำรวจเอก มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ร่วมสอบปากคำด้วย
จากการสอบสวนนายพงศ์โชค ว่องวงค์อารี ผู้ต้องหาที่เป็นคนไทยให้การยอมรับสารภาพในเบื้องต้นว่า ก่อนหน้านี้ตนได้รับการว่าจ้างจากนายโช (ไม่มีนามสกุล)ชาวเมียนมาให้ไปรับแรงงานจำนวนดังกล่าวในพื้นที่ อำเภอสังขละบุรี แล้วให้นำไปส่งที่บริเวณทางแยกบ้านแพ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อไปถึงก็จะมีคนมารับอีกทอดหนึ่งโดยตนจะได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 8000 บาท ระหว่างเดินทางมาถึงจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ ตนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ จึงอาศัยขับตามหลังรถพ่วงที่อยู่ด้านหน้าเพราะหวังว่าเอาไว้เจ้าหน้าที่จะไม่ใส่ใจเรียก แต่สุดท้ายก็มาถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ ตนจึงตัดสินใจเหยียบคันเร่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระโดดขึ้นมาบนรถและพยายามตะโกนเรียกให้ตนหยุดแต่ตนไม่ยอม ต่อมามีรถเจ้าหน้าที่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด ตนเห็นท่าไม่ดีจึงจอดรถแล้วพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าแต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่วิ่งไล่ติดตามจนสามารถจับกุมตัวของตนเอาไว้ได้
ขณะที่กลุ่มแรงงานที่ถูกจับกุมตัวเอาไว้ได้ ให้การผ่านล่ามแปลว่า พวกตนหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยด้วยการเดินเท้าเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ด่านเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จากนั้นมีผู้นำพาเดินลัดเลาะหลีกเลี่ยงด่านตรวจของไทยหลายด่านจนปลอดภัย จากนั้นนายพงศ์โชคฯได้ขับรถยนต์กระบะมารับไปทำงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยจะจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าคนละ 8000-10000 บาท ระหว่างเดินทางก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวนายพงศ์โชค ว่องวงค์อารี ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดี
สำหรับเหตุการณ์ก่อนที่ ร้อยตำรวจตรี สมภพ ขันธ์คำ หรือหมวดหมู รอง สวป.สภ.ทองผาภูมิ จะตัดสินใจกระโดดขึ้นรถนั้น กล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้สามารถจับภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้อย่างชัดเจน
รายที่สี่ ที่บริเวณชายป่าบ้านวังหิน หมู่ 1 ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียน มาหลบซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันปิดล้อมพร้อมส่งสัญญาณ เข้าจับกุมตัวกว่าจะจับกุมตัวได้ทั้งหมดต้องใช้เวลานานพอสมควร จากนั้นให้มานั่งรวมกลุ่มโดยแยกชายหญิงออกจากกัน นับรวมกันได้ จำนวน 35 คน เป็นชาย 25 คน หญิง 10 คน โดยมี 8 คน เป็นลูกของแรงงานต่างด้าวที่ยังเป็นเด็กและเยาวชนที่พ่อแม่นำพาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วย ซึ่งแรงงานทั้งหมดต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นในของไทย หลังจากยอมรับสารภาพจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนที่จะส่งตัวให้กับ ตม.ผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทางต่อไป
รายที่ห้า เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา มาจาก อำเภอสังขละบุรี มุ่งหน้าไปทางจุดตรวจตำบลชะแล ด้วยการใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บจ.3885 สมุทรสงคราม เป็นพาหนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคอยสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบรถยนต์คันดังกล่าวกำลังวิ่งผ่านหน้าจุดตรวจไปด้วยความเร็วสูง เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้คนขับหยุดรถ แต่คนขับไม่ยอมและได้ขับหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงขับรถติดตามไป แต่เนื่องจากท้องฟ้ากำลังมืดจึงเปิดสัญญาณไซเรนบนรถแล้วขับติดตามไป โดยรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับหนีการจับกุมมุ่งหน้าไปทางด้านบ้านทุ่งนางครวญ ตำบลชะแล เจ้าหน้าที่ชุดติดตามจึงประสานไปยังนายสุนทร วันทอง ผญบ.หมู่ 6 ให้นำเจ้าหน้าที่ ชรบ.ตั้งจุดตรวจจุดสกัด
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวไปถึง คนขับได้เลี้ยวเข้าไปจอดหลบอยู่ภายในปั้มน้ำมันของหมู่บ้าน แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมตัวคนขับเอาไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมชาย มิ่งขวัญ อายุ 40 ปี เป็นชาวอำเภอเมือง จ.สมุทรสงคราม โดยมีนางสาวกานต์ชนิต จันทร์สมบูรณ์ อายุ 36 ปี เป็นชาวอำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั่งมาด้วย จากการตรวจค้นภายในรถพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั่งแออัดมาเต็มคันรถ จำนวน 6 คน เป็นชายทั้งหมด
โดยนายสมชาย และนางสาวกานต์ชนิต ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนางสาวมิรา ไม่ทราบนามสกุล ให้ไปรับแรงงานจำนวนดังกล่าวไปส่งที่จุดนัดหมายในพื้นที่จังหวัดชั้นในของไทย เมื่อไปถึงก็จะได้รับเงินค่าจ้างแต่ไม่ทราบว่าจะได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ ระหว่างเดินทางก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน
ขณะที่กลุ่มแรงงานให้การว่า พวกตนหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยด้วยการเดินเท้าเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู จากนั้นนั่งทั้งรถยนต์ ทั้งเดินเท้า และลงเรือมานานร่วม 6 วันแล้ว ขณะที่ผู้นำพากำลังไปส่งจังหวัดชั้นในก็มาถูกจับกุมเสียก่อน หลังจากผู้ต้องหายอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตำบลชะแล จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุดรายที่หก เจ้าหน้าที่ข้างต้นได้จับกุมตัวนายวิน ไม่มีชื่อสกุล อายุ 47 ปี ชาวตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนุบรี เลขบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ขณะขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน กร 693 กาญจนบุรี มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา มาเต็มคันรถถึง 19 คน โดยเจ้าหน้าที่จับกุมได้บริเวณข้างรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ การที่นายวินฯผู้ต้องหาถูกจับกุมในคดีดังกล่าวถือว่าผิดกฎหมายไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาเพิกถอนบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หมายเลข 0 ของนายวิน ทันที เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างของบุคคลเหล่านี้ ที่กำลังจะคิดทำผิดต่อไป
สำหรับแรงงานต่างด้าวทั้งได้ถูกจับกุมในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ทั้งสิ้นก่อนส่งตัวดำเนินคดีในข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาแรงงานชาวเมียนมา ได้หลบหนีเข้าเมืองทั้งวันทั้งคืน มีทั้งเป็นข่าว และไม่เป็นข่าว ส่วนผู้นำพาที่เป็นคนไทยถูกจับไปแล้วหลายราย แต่คนที่คิดจะทำรายใหม่ ก็ไม่เคยคิดจะเกรงกลัวกฎหมายเลยแม้แต่น้อยนิด ที่สำคัญผู้นำพาบางรายเป็นชาวเมียนมา หรือมอญ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย มานานจนได้รับอนุญาตให้มีบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน เลข 0 ให้อยู่ในประเทศไทยได้อย่างอิสระ แต่ต้องทำมาหากินด้วยความบริสุทธิ์ แต่ก็มีหลายรายที่ลักลอบทำมาหากินโดยผิดกฎหมายและถูกจับกุมมาแล้วหลายรายเช่นกัน
///////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน