วันที่ 31 มีนาคม เรือประมงพาณิชย์ กระบี่ ทยอยกลับเข้าฝั่งนำสัตว์น้ำที่จับได้ขายให้กับพ่อค้าแม่ค้า ที่ท่าเทียบเรือประมง ตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ ก่อนประกาศปิดอ่าวเที่ยงคืนนี้.วันที่ 31 มี.ค. 67 เริ่มประกาศปิดอ่าวมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเลอันดามัน กระบี่ พังงา ระนอง ตรัง สตูล และ ภูเก็ตตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน-วันที่ 30 มิถุนายน
นางจิระพันธ์ ประมง ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์กระบี่ เปิดเผยว่า หลังจากนี้ ต้องออกทำประมงนอกเขต ควบคุม บังคับใช้กฎหมาย ทำให้ต้องแล่นเรือเป็นระยะทางออกไปไกลขึ้น เสียค่าใช้จ่าย ค่านำมันเชื่อเพลิงเพิ่มขึ้นเท่าตัว สัตว์น้ำที่จับได้ ต้องปรับขึ้นราคาได้เล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจาก พ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อต่อไปจำหน่าย จำหน่ายได้ลดลงเนื่องจากประชาชนผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ ทำให้เรือประมงพาณิชย์ ต้องแบกภาระ เป็นระยะเวลา 3 เดือน บางลำต้องหยุดออกทำประมงชั่วคราวในช่วงปิดอ่าวเพราะประสบปัญหาขาดทุน แต่ยอมรับปิดอ่าวจะส่งผลดีทำให้หลังเปิดอ่าว มีสัตว์น้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น เรือประมงสามารถจับสัตว์ได้จำนวนมาก
จากข้อมูลการสำรวจ รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลทรัพยากรสัตว์น้ำจากเรือสำรวจประมงและเครื่องมือประมงพาณิชย์ ระบุว่า ในช่วงเวลาระหว่างมาตรการฯ สัตว์น้ำชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปลาผิวน้ำ ปลาทู ปลาลัง ปลาสีกุนบั้ง และปลาหลังเขียว มีความสมบูรณ์เพศสูงถึงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ สัตว์น้ำวัยอ่อนทั้งหมดมีความชุกชุมและการแพร่กระจายหนาแน่นสูงในพื้นที่และช่วงเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะเดือนมิถุนายน ที่มี ความหนาแน่นของสัตว์น้ำวัยอ่อนทั้งหมดสูงสุด 5,161 ตัว/1,000 ลูกบาศก์เมตร และเมื่อพิจารณาอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยจากเรือสำรวจประมงที่ทำการสำรวจในเขตมาตรการ พบว่า ช่วงก่อนมาตรการ ระหว่างมาตรการ และหลังมาตรการ มีอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ย เท่ากับ 48.117 กิโลกรัม/ชั่วโมง 114.925 กิโลกรัม/ชั่วโมง และ 316.600 กิโลกรัม/ชั่วโมง ตามลำดับ ซึ่งในระหว่างมาตรการ อัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.3 เท่า และหลังมาตรการอัตราการจับสัตว์น้ำทั้งหมดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 6.5 เท่า หากเรือประมงฝ่าฝืนเข้าทำประมงในเขตหวงห้าม หรือใช้เครื่องมือทำประมงผิดกฎหมาย จะมีโทษปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท และอาจมีการริบเรือประมงของกลางด้วย
กระบี่/0936161469
