ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนา ต.ตาเสา อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ต่างพากันนำข้าวเปลือกมาตากตามริมถนนในหมู่บ้าน ตำบลเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร เพื่อลดความชื้นก่อนนำไปขายหลังนำข้าวที่เกี่ยวสดไปขายตามโรงสีต่างๆ แล้วถูกกดราคาเหลือเพียงกิโลกรัมละ 7-8 บาท ขณะที่โรงสีบางแห่งก็ไม่รับซื้ออ้างว่าไม่มีสถานที่ตากสร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร เพราะนอกจากจะได้รับผลกระทบจากภาวะฝนทิ้งช่วงต้นข้าวขาดน้ำในช่วงที่กำลังออกรวงส่งผลให้ได้ผลผลิตลดลงกว่าครึ่งแล้ว ยังต้องประสบปัญหาจำหน่ายผลผลิตได้ราคาต่ำซ้ำเติมอีก
ส่วนสาเหตุที่เกษตรกรตัดสินใจนำข้าวเกี่ยวสดไปขายเนื่องจากต้องการเงินมาเป็นค่าจ้างรถเกี่ยว แต่หากนำข้าวไปตากให้แห้งก่อนก็จะยุ่งยากล่าช้า ทั้งยังต้องเสียค่าจ้างแรงงานในการตากและเก็บบรรจุใส่กระสอบอีก ขณะที่ชาวนาในหลายพื้นที่ชะลอนำข้าวเปลือกออกมาขายเพราะราคาไม่อยู่ที่จุดคุ้มทุน
นางปล่อง สายวัน อายุ 64 ปี เกษตรกรบ้านหนองแวง ต.ตาเสา อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ทำนาทั้งหมด 16 ไร่ ปีก่อนได้ผลผลิต 60-70 กระสอบ แต่ปีนี้คาดว่าผลผลิตจะลดลงกว่าครึ่งเนื่องจากช่วงที่ข้าวกำลังออกรวงฝนทิ้งช่วงทำให้ต้นข้าวขาดน้ำไม่สมบูรณ์ แต่พอถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็ถูกฝนตกเปียกชื้นนำไปขายก็ถูกโรงสีกดราคาซ้ำอีก จากกรณีดังกล่าวจึงอยากร้องขอให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาดูแลช่วยเหลือราคาข้าวให้สูงมากกว่านี้หรือไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14-15 บาท จึงจะคุ้มทุนและสามารถอยู่รอดได้