ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของระบบสาธารณสุขไทยในรอบ 20 ปี
18 เม.ย. 2567

จากที่ได้นำระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค” มาใช้ตั้งแต่ปี 2545 และจากความสำเร็จในการทำ Digital Transformation ระบบข้อมูลสุขภาพ ที่เชื่อมต่อถึงกันทั้งประเทศ ระบบสาธารณสุขไทยเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง ในปี 2567 เมื่อมีการยกระดับจาก “รักษาทุกโรค” มาเป็น “รักษาทุกที่” ด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว

ประชาชนสามารถไปรับบริการที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบส่งตัว เพราะหน่วยบริการสามารถเรียกดูข้อมูลโรค การวินิจฉัยโรค และแนวทางการรักษาที่ได้ทำไปแล้ว ทำให้เกิดการรักษาได้ต่อเนื่อง ลดความซ้ำซ้อนในการรักษาและการให้ยา ขณะเดียวกันระบบสาธารณะสุขไทย ได้เปิดให้คลินิกเอกชนเข้ามาร่วมเสริมความแข็งแกร่งของระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ประชาชนสามารถไปรับบริการใกล้บ้าน ภายใต้โครงการ “หน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่” ประกอบด้วย ร้านยาชุมชนอบอุ่น คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น คลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น คลินิกทันตกรรมชุมชนอบอุ่น และรถทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มผู้ต้องขัง เด็กในสถานพินิจ เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” เมื่อประชาชนไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแล้ว สามารถกลับมารับยาที่ร้านยาใกล้บ้านได้เลย โดยไม่ต้องไปเสียเวลารอที่ห้องยาอีก หรือหากเจ็บป่วยเล็กน้อย ก็ไปพบเภสัชกรเพื่อขอรับยาและขอคำแนะนำเบื้องต้นได้ แม้แต่การขอรับถุงยางอนามัย ยาเม็ดคุมกำเนิด หรือชุดตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นบริการการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ก็กระทำได้เช่นกัน

ขณะที่ “คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น” จะให้การรักษาผู้เจ็บป่วยเบื้องต้น เช่น การฉีดยา ทำแผล ล้างแผล รักษาโรคเบื้องต้น โดยไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล อีกทั้ง ยังมีบริการเยี่ยมบ้าน เพื่อดูแลผู้ป่วยในชุมชนอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ส่วน คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น” สามารถให้บริการเจาะเลือดก่อนพบแพทย์ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน หรือในกรณีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ทางคลินิกฯ ก็จะไปบริการเจาะเลือดให้ถึงที่บ้าน

สำหรับ “คลินิกทันตกรรมชุมชนอบอุ่น” จะให้บริการตรวจสุขภาพช่องปาก โดยไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลของรัฐ โดยจะมีคลินิกทันตกรรมเอกชนร่วมให้บริการทันตกรรมทั่วไป เช่น ขูด อุด ถอน เคลือบหลุมร่องฟัน และฟลูออไรด์ ทำให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงบริการเร็วขึ้น ไม่ต้องรอคิวนาน สามารถผ่องถ่ายผู้ป่วยในกลุ่มที่เป็นการรักษาเบื้องต้นออกจากโรงพยาบาล ช่วยให้ทันตแพทย์ในโรงพยาบาลได้มีเวลารักษาในรายที่ซับซ้อนเฉพาะทางมากขึ้น

นอกจากนี้ “คลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น” จะให้บริการผู้ป่วยใน 4 กลุ่มโรค คือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ผู้ป่วยสมองได้รับบาดเจ็บ (Traumatic brain injury) ผู้ป่วยไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ (Spinal cord injury) ผู้ป่วยภาวะกระดูกสะโพกหักจากภยันตรายชนิดไม่รุนแรง (Fragility fracture hip) ซึ่งโรคเหล่านี้จะมีระยะเวลาทอง (Golden Period) ในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการทำกายภาพบำบัดภายในระยะเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพได้มากขึ้น

ทางด้าน“คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น” จะให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยนอก นอกเวลาราชการ ช่วยให้ประชาชนที่เจ็บป่วยเบื้องต้นไปใช้บริการได้ โดยไม่ต้องลางาน  ส่วนการดูแลรักษาด้วยการแพทย์แผนไทย “คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น” จะมาให้บริการ นวด ประคบ อบสมุนไพร เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งให้ประชาชน

มิติใหม่เหล่านี้ ตอบโจทย์แนวคิดในเรื่อง “ใกล้บ้าน ใกล้ใจ” โดยมีหน่วยบริการใกล้บ้าน เข้ามาเป็นด่านหน้าในการดูแลระดับปฐมภูมิ ช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวก ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดการเสียโอกาสในการหารายได้ ลดระยะเวลาการรอคอย อีกทั้งยังลดความแออัดในโรงพยาบาล ทำให้แพทย์ในโรงพยาบาลมีเวลาไปดูแลผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น

ปัจจุบันมีหน่วยบริการเข้าร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกว่า 5,000 แห่ง มีทั้งหน่วยบริการที่สามารถใช้บริการได้ทั่วประเทศ ไม่ว่าสิทธิบัตรทองจะอยู่ที่ไหน คือ ร้านยาชุมชนอบอุ่น คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น และคลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น ขณะที่หน่วยบริการอีก 3 ประเภทใช้ได้ในจังหวัดนำร่อง 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ได้แก่ คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น คลินิกทันตกรรมชุมชนอบอุ่น และคลินิกแพทย์แพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข เริ่มนำร่อง 30 รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ใน 4 จังหวัดแรกไปแล้ว เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี นราธิวาส และเดือนมีนาคมนี้ ได้ขยายพื้นที่นำร่องไปอีก 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี พังงา หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ นครราชสีมา และสระแก้ว จากนั้นในเดือนพฤษภาคม มีแผนที่จะขยายพื้นที่เป็นระดับเขตสุขภาพใน 4 เขตสุขภาพ ได้แก่ เขต 1 เขต 4 เขต 9 เขต 12 และอีก 2 เขตสุขภาพ ที่เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คือ เขต 3 และเขต 8 รวมทั้งหมดเป็น 6 เขตก่อนจะขยายไปทั่วประเทศในอนาคต ซึ่งจะเป็นการปฏิรูประบบสุขภาพให้ก้าวกระโดดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สาธารณสุขไทย

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...