เมื่อเร็วๆนี้รศ.วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานเปิดนิทรรศการเคลื่อนที่ "ท้องถิ่นสยามในเขตคามประชาธิปก" ณ อาคารเทิดพระเกียรติ 90 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ ศูนย์การเรียนรู้เทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งมีการจัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โดยเฉพาะเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่วันนี้-31 ม.ค. 59
ภายในงานมีการแจกจดหมายเหตุเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลฝ่ายเหนือปี 2467 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลพายัพจาก จ.พิษณุโลก แพร่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย พะเยา และเชียงใหม่ เป็นเวลา 32 วันในอดีต ทั้งในรูปแบบของจดหมายเหตุอย่างละเอียดและภาพถ่ายในอดีตที่หาดูได้ยากด้วย
รศ.วุฒิสาร กล่าวว่า ในอดีตมีการประชาสัมพันธ์เรื่องราวเกี่ยวกับรัชกาลที่ 7 กันน้อย อาจเป็นเพราะทรงครองราชย์เพียงประมาณ 9 ปีก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย แต่ตลอด 9 ปีนี้มีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสังคมไทย ซึ่งทางสถาบันพระปกเกล้า ก็จะได้นำเสนอเรื่องราว โดยเฉพาะการศึกษาด้านแนวคิดด้านการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ฯลฯ
ซึ่งการนำเสนอในรูปแบบนิทรรศการ โดยเฉพาะด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ จ.เชียงรายเป็นจังหวัดแรก ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนิน จ.เชียงราย เมื่อปี 2469 และเทศบาลนครเชียงรายก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จด้านการบริหารจัดการ
ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ บรรยายพิเศษเรื่องปกประชา ณ ท้องถิ่นสยาม ให้แก่คณะเทศบาล นำโดยนายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ประชาชน และนักเรียนที่เข้าร่วมชมนิทรรศการอย่างคับคั่งว่า เชียงรายเป็นเมืองในมณฑลพายัพในอดีต ภายหลังมีความเป็นประเทศไทยอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เสด็จฯ มาเยือนในขณะที่ยังทรงครองราชย์อยู่ โดยทรงเปลี่ยนแปลงการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครในอดีต ซึ่งใช้ระยะทางใกล้ๆ พระนคร มาสู่การเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลแทน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับประเทศไทยอย่างมาก และมณฑลพายัพรวมทั้ง จ.เชียงราย ก็ถือว่าเป็นมณฑลแรกที่ทรงเลือกจะเสด็จพระราชดำเนินก่อนจะไปยังมณฑลภูเก็ตต่อ โดยทรงประทับที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย หลังเก่า 1 คืน จึงถือเป็นสถานที่ที่เป็นสิริมงคลต่อเชียงรายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังพระราชทานพระแสงราชศัสตราให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้นด้วย