“สุริยะ” เร่งแก้ทางด่วนแพง เจรจา BEM ปรับค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน - พระราม 9 เหลือ 50 บาทตลอดสาย จากปัจจุบันสูงสุด 90 บาท คาดเสนอ ครม.เห็นชอบ ส.ค.นี้ ขณะที่การทางพิเศษฯ อยู่ระหว่างเจรจาชดเชยเอกชน ยื่นข้อเสนอเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ - ขยายสัมปทาน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปร่วมกันพิจารณาแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดบนทางพิเศษ (ทางด่วน) ในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงการปรับปรุงระบบค่าผ่านทาง เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนนั้น
ล่าสุด กทพ. ได้รายงานว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ สนข. และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ในฐานะผู้รับสัญญาสัมปทานบริหารทางด่วน ในการพิจารณาปรับโครงสร้างลดอัตราค่าผ่านทางฯ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการใช้ทางด่วนให้กับประชาชน โดยได้นำผลการศึกษาการแก้ปัญหาจราจรเมื่อปี 2565 มาศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการใช้กับทางด่วนขั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน - พระราม 9 ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร เนื่องจากมีผู้ใช้ทางเป็นจำนวนมาก
สำหรับอัตราค่าผ่านทางใหม่ที่มีการปรับลดลงนั้น เริ่มต้นที่ 25 บาท และสูงสุดไม่เกิน 50 บาท จากในปัจจุบันมีอัตราอยู่ที่ 25 - 90 บาท โดยจะมีการยกเลิกด่านประชาชื่น (ขาออก) และด่านอโศก (ขาออก) ซึ่งมีปริมาณรถหนาแน่น ซึ่งจากเดิมมีค่าผ่านทาง 25 บาท ทำให้เหลือ 0 บาท ส่วนด่านประชาชื่น (ขาเข้า) เดิมมีค่าผ่านทาง 65 บาท เหลือ 50 บาท ขณะที่ ด่านอโศก (ขาเข้า) เดิมมีค่าผ่านทาง 50 บาท เหลือ 25 บาท และด่านศรีนครินทร์ (ขาเข้า) จ่ายเงินทางขึ้น 25 บาท
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะหารือและได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน หลังจากนั้นจะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. พิจารณา ก่อนจะเสนอไปยังคณะกรรมการ มาตรา 43 ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2562 และเข้าสู่ขั้นตอนสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อตรวจร่างสัญญา จากนั้นจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบการแก้ไขสัญญา และเสนอไปยังคณะกรรมการร่วมทุนรัฐและเอกชน (PPP) เห็นชอบ ก่อนเสนอไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในเดือน ส.ค.นี้
ทั้งนี้ ในการปรับลดค่าผ่านทางดังกล่าว จะทำให้รายได้ของผู้รับสัมปทานลดลง ดังนั้นขณะนี้ กทพ.จึงอยู่ระหว่างเจรจาร่วมเอกชน เพื่อชดเชยรายได้และไม่ให้กระทบต่อสัญญาสัมปทาน โดยเบื้องต้นมีแนวทางขยายสัญญาสัมปทานให้กับ BEM ในระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน ABC และส่วน D ที่จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 ต.ค.2578 พร้อมกับการพิจารณาแบ่งสัดส่วนรายได้ โดย กทพ. จะมีรายได้ลดลง เพื่อนำไปชดเชยให้กับผู้รับสัมปทานในการลดค่าผ่านทาง จากเดิม กทพ. มีสัดส่วน 60% ผู้รับสัมปทาน 40%
ขณะเดียวกัน BEM จะต้องรับภาระในการลงทุนก่อสร้างโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck) ช่วงงามวงศ์วาน – พญาไท - พระราม 9 ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อปี 2563 ที่มอบหมายให้ กทพ.ศึกษาโครงการดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางพิเศษศรีรัช โดยทางด่วนสายนี้จะเป็นทางด่วนทับซ้อนแนวเส้นทางเดิม และไม่ต้องเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม
“การปรับลดค่าผ่านทางในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้ มีประชานที่ใช้ทางด่วนช่วงยาว มีระยะทางไกล ต้องจ่ายแพงถึง 100 กว่าบาท เรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องด่วนที่กระทรวงฯ ต้องการแก้ไข ผมเลยให้การทางฯ และ สนข. ไปหารือกับเอกชน เพื่อลดค่าทางด่วน ให้เหลือสูงสุดไม่เกิน 50 บาท หรือ 50 บาทตลอดสาย เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้ทางด่วนให้กับประชาชน” นายสุริยะ กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังได้มีนโยบายให้ส่งเสริมให้มีการใช้งานบัตร Easy Pass เพิ่มมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่าน โดยสั่งการให้ กทพ. เพิ่มช่องทางการ และการเติมเงิน Easy Pass ให้สะดวกขึ้น อาทิ การจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ อีกทั้งจะมีการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ Easy Pass ให้ได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วในการเดินทาง โดยการยกไม้กั้นออก และจะมีการเพิ่มช่องบริการ Easy pass