กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ให้ธุรกิจไทยใส่ใจหลักธรรมาภิบาล สร้างธุรกิจสีขาวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต ในโอกาสกรมฯ ครบรอบ 95 ปี เปิดตัวโปรแกรม e-Accounting for SMEs นวัตกรรมทางบัญชีช่วยอำนวยความสะดวกธุรกิจทำบัญชีได้คล่องตัวเชื่อมต่อข้อมูลได้หลากหลาย วิเคราะห์ธุรกิจได้แม่นยำ พร้อมมอบหนังสือรับรองสำนักงานบัญชีคุณภาพ 13 ราย และมอบรางวัลธรรมาภิบาลธุรกิจดีเด่นประจำปี 2560 ระดับประเทศและจังหวัด รวม 25 ราย เชื่อมั่นวางอนาคตเศรษฐกิจไทยต้องสดใสด้วยธุรกิจสีขาวโฟกัสที่ความโปร่งใสและคุณภาพในการทำธุรกิจ
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และประธานเปิดงานกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ให้ธุรกิจไทยใส่ใจหลักธรรมาภิบาล สร้างธุรกิจสีขาวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต ในโอกาสที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าสถาปนาครบรอบ 95 ปี (วันที่ 16 มกราคม 2561) ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 6 เปิดเผยว่า วันนี้นับเป็นโอกาสดีที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ได้ยืนเคียงข้างภาคธุรกิจและประชาชนมายาวนานถึง 95 ปี มีภารกิจในการให้บริการภาคธุรกิจและประชาชนหลากหลายมิติ ทั้งด้านการจดทะเบียนธุรกิจ ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ บริการคลังข้อมูลธุรกิจที่ทันสมัย รวมถึงกำกับดูแลธุรกิจไทยให้มีธรรมาภิบาล พร้อมตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปลูกฝังให้ภาคธุรกิจยึดหลักธรรมาภิบาลธุรกิจเป็นเส้นทางหลักในการทำธุรกิจและสร้างมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ของสากล เพราะปัจจุบันธุรกิจไม่เพียงแต่จะมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี หรือเป็นบริษัทที่มีฐานลูกค้าและส่วนแบ่งทางการตลาดมากเพียงใดก็ต้องหันกลับมาสู่ การสร้างธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจด้วย เพราะแนวโน้ม (Trend) ธุรกิจในระดับโลกถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นสิ่งที่นักธุรกิจต้องทำเพื่อให้ทุกส่วนในกลไกของตลาดสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเติบโตก้าวหน้า โดยไม่ใช่แค่รับผิดชอบต่อสังคม ผู้บริโภค สิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจหรือซัพพลายเออร์ที่จะต้องอยู่ร่วมกันได้ด้วย
อธิบดี กล่าวต่อว่า “ในวันนี้ (15 มกราคม 2561) ประกอบไปด้วย 2 กิจกรรมสำคัญ คือ 1) กิจกรรมเปิดตัวโปรแกรม e-Accounting for SMEs เป็นโปรแกรมบัญชีสำหรับ SMEs มีการทำงานที่ครบวงจรผ่านระบบ Cloud ตั้งแต่เริ่มต้นรายการค้าจนถึงการบันทึกบัญชีและจัดทำงบการเงิน เพื่อพัฒนาศักยภาพของ SMEs ให้สามารถประเมินสถานะทางการเงินเพื่อวางแผนการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างถูกต้อง เสริมสร้างความเข้มแข็งของ SMEs อย่างเป็นระบบรองรับเทคโนโลยีทั้งปัจจุบันและในอนาคตเชื่อมโยงกับระบบการส่งงบการเงินทางอินเทอร์เน็ตของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD e-Filing) พร้อมทั้งเชื่อมต่อกับระบบ e-Taxation ของกรมสรรพากร และระบบ e-Payment ของธนาคาร ภายใต้โครงการ National e-Payment Master Plan ซึ่งจะเป็นการผลักดันและเตรียมความพร้อมธุรกิจ SMEs ให้เข้าสู่ยุค Thailand 4.0 โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก ทันสมัย และประหยัดรองรับการพัฒนาและเติบโตของ SMEs อันเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ”
“2) กิจกรรมการมอบรางวัล 2 ประเภทได้แก่ พิธีมอบหนังสือรับรองสำนักงานบัญชีคุณภาพ แก่สำนักงานบัญชีที่ผ่านการประเมินจากกรมฯ ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากล ISO จำนวน 13 ราย เป็นการยกระดับสำนักงานบัญชีไทยให้มีความน่าเชื่อถือและเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานสากลเพิ่มขึ้น ปัจจุบันกรมฯ ได้มอบหนังสือรับรองแก่สำนักงานบัญชีคุณภาพแล้วจำนวนทั้งสิ้น 152 ราย ซึ่งสำนักงานบัญชีคุณภาพจะได้รับการเผยแพร่ผลงานให้เป็นที่รู้จักเพื่อประกาศเกียรติคุณ และเป็นต้นแบบให้สำนักงานบัญชีรายอื่นๆ ได้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง และพิธีมอบรางวัลธรรมาภิบาลธุรกิจดีเด่นประจำปี 2560 มีธุรกิจได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 95 ราย แบ่งออกเป็นรางวัลระดับประเทศ จำนวน 6 รางวัล และรางวัลระดับจังหวัด จำนวน 89 รางวัล เป็นของกรุงเทพฯ 19 รางวัล และภูมิภาค 70 รางวัล (ในส่วนของภูมิภาคจะได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มอบรางวัล) สำหรับการมอบรางวัลในวันนี้จะเป็นการมอบรางวัลให้กับธุรกิจที่ได้รับรางวัลระดับประเทศ และรางวัลระดับจังหวัดของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 25 รางวัล กรมฯ ได้ดำเนินโครงการประกวดธรรมาภิบาลธุรกิจดีเด่นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบันมีธุรกิจที่ได้รับรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นแล้วทั้งสิ้น 487 ราย ซึ่งธุรกิจเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดธุรกิจสีขาวเต็มทุกพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง แข่งขันได้และเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ธุรกิจรายอื่นๆ ต่อไป”
“การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ กรมฯ เชื่อมั่นว่าจะสร้างการรับรู้ให้ภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการนำหลักธรรมาภิบาลธุรกิจไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองดำเนินธุรกิจโดยไม่มุ่งเอาแต่ประโยชน์และกำไรในลักษณะ ทุนนิยมแต่จะให้ความสำคัญกับการมีคุณภาพของธุรกิจในการปฏิบัติตนตามกฎหมาย ความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และตรวจสอบได้ ดังนั้น ก้าวต่อไปของการพัฒนาธุรกิจไทยให้ก้าวหน้าต่อไปได้ทั้งในระดับประเทศและสากลจะยึดหัวใจสำคัญในการปลูกฝังให้ภาคธุรกิจมีธรรมาภิบาลและมีมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจตามหลักเกณฑ์ของสากลให้ความสำคัญกับการปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้อง สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างประเทศไทยให้ใสสะอาดด้วยหลักธรรมาภิบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับเป็นภารกิจที่สำคัญและท้าทายการทำงานอีกหนึ่งมิติ โดยกรมฯ จะมุ่งสนับสนุนและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ภาคธุรกิจที่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นธุรกิจที่ดีให้เป็นแบบอย่างแก่ภาคธุรกิจไทยต่อไป” อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด