“กฤษฎา” นำ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย "เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม" ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95% ต่อปี ระบุนโยบายนี้เพื่อบรรเทาลดภาระช่วยประชาชน
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะการกำกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ซึ่ง ธอส.ได้ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรีช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ซึ่ง ธอส. ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR 0.25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป พร้อมช่วยเพิ่มรายได้จากการออมให้กับประชาชน ด้วยการจัดทำผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ "เก็บออม" อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.95% ต่อปี เปิดบัญชีเงินฝากตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม - 30 ธันวาคม 2567
ทั้งนี้ นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อธิบายโครงการเพิ่มเติมว่า สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ มีมติร่วมกันให้สถาบันการเงินสมาชิกปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย และลูกค้ากลุ่มเปราะบาง โดยธอส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยงินกู้ สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี จากเดิม 6.795% ต่อปีลดลงเหลือ 6.545% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้ากว่า 1.8 ล้านบัญชี รวมถึงลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อย และลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ให้มีเงินเหลือเพียงพอในการดำรงชีพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ธอส. ยังพร้อมสนับสนุนการออมภาคประขาชน ให้มีวินัยทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการออมเงินที่ได้รับผลตอบแทนสูง จึงได้จัดทำผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ "เก็บออม" เพียงเปิดบัญชีเงินฝากขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป และมีวงเงินฝากคงเหลือไม่เกิน 200,000 บาท จะได้รับ อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.95% ต่อปี (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) พิเศษ! ดอกเบี้ยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากปีละ 2 ครั้ง (29 มิถุนายน และ 29 ธันวาคม) ผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ "เก็บออม" ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม - 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงินโครงการ ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ พร้อมย้ำว่า ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" โดยตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ได้ทำให้ คนไทยมีที่อยู่อาศัยแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว