DSI ตั้งคณะสอบสวนเรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ (สอค.กส.) และสมาชิก ให้ถ้อยคำ คดีโกงเงินกู้ฉุกเฉิน หลังสมาชิก กว่า 10,300 คน มอบตัวแทน ร้อง DSI ให้สอบสวนเข้ม โกงเป็นกระบวนการนานหลายปี พบสูญเงินกว่า 74 ล้านบาท
(2 พ.ค.67) นายวิโรจน์ ทูคำมี รอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กคร) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมคณะ ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการ DSI นำทีมโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผก.กคร. ลงพื้นที่สอบสวนรวบรวมข้อเท็จจริงของผู้ร้องและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด (สอค.กส.) ตามมาตรา 23/1 วรรณสอง กรณีร้องเรียนเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด (สอค.กส.) กระทำการทุจริตเงินกู้เพื่อเหตุฉุกเฉินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม โดยมีพฤติการณ์กล่าวหาว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์โดยระบบคอมพิวเตอร์ อันมีลักษะเป็ฯปกติธุระและมีความซับซ้อน ทำให้ผู้ตรวจสอบทางบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญไม่อาจตรวจสอบได้ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวน 70 กว่าล้านบาท และมีสมาชิกได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
หลังจาก นายประดิษฐ์ ฤทธิโคตร ตัวแทนสมาชิก สอค.กส.ได้ทำหนังสือเข้าร้องเรียน DSI ให้ทำการสอบสวน คณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องในการวินิจฉัยเบิกจ่ายเงินกู้ โดยลำพังเพียงเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ ซึ่งถูกแจ้งความให้ดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ จำนวน 2 คน คือ นายธีระศักดิ์ ภูพิพัฒน์ และนางสาวพรพิมล ภูโอบ ไม่น่าจะสามารถเบิกจ่ายเงินกว่า 73 ล้านออกไปได้ หากไม่ผ่านการวิจัยจากคณะกรรมการทั้ง 9 ฝ่าย
นายวิโรจน์ ทูคำมี รอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กคร) เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการบันทึกถ้อยคำผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์, เจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด และสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด รวมถึงดำเนินการสืบสวนเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะได้นำข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้จากการสืบสวนมาวิเคราะห์และประมวลเรื่องว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญาฐานใด และมีเหตุเสนอรับเป็นคดีพิเศษ หรือไม่ ต่อไป
ด้าน นายประดิษฐ์ ฤทธิโคตร สมาชิก สอค.กส.ในฐานะตัวแทนของสมาชิก สอค.กส. เปิดเผยว่า จากรายงานการประชุมประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 27 ม.ค.พบว่าได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินสำรองหนี้คาดว่าจะสูญ (นำไปใช้หนี้ให้กับคนลักทรัพย์) จำนวน 2 รายการ รวม 70 กว่าล้านบาท และอนุมัติเบิกจ่ายเงินกู้มีความคาดเคลื่อน อีกจำนวน 3 ล้านกว่าบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 74 ล้านบาท ส่งผลกระทบให้สมาชิก สอค.กส.ได้เงินปันผลลดน้อยลง สร้างความเสียหายให้กับสมาชิก สอค.กส.ซึ่งมีสมาชิกอยู่จำนวน 10,300 คน