กัน จอมพลัง พา เกตีฯ สาวชาวพม่าเหยื่อน้ำกรดมาเก็บของที่บ้านแม่สามี พร้อมล่ำลา เพื่อเดินทางไปพักรักษาตัวอยู่กับหมอปลาที่จังหวัดเพชรบุรี พร้อมประกาศหากทหารเมียนมาสามารถจับตัวผู้กระทำความผิดได้ พร้อมดำเนินให้ได้รับโทษอย่างสาสม มีรางวัลให้ 100,000 บาท ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางควบคุม ป้องกัน การจำหน่ายน้ำกรด ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย เผยขณะนี้มีหญิงสาวที่โดนสาดน้ำกรดร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาแล้ว 2 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ได้นำรูปภาพสภาพสองแม่ลูกที่ถูกราดด้วยน้ำกรดเข้าตามใบหน้าและร่างกายมาโพสต์ลงในเฟสบุ๊ก เมื่อทุกคนเห็นต่างรู้สึกหดหู่และสรสารสองแม่ลูกเป็นอย่างมาก โดย กัน จอมพลัง ได้เขียนระบุว่า
เรื่องราวชวนหดหู่ใจ โดยเป็นเรื่องราวของสาวที่ถูกเมียใหม่นำน้ำกรดมาราดใส่ จนทำให้หูหลุด ใบหน้าผิดรูป แถมลูกน้อยวัย 8 เดือนยังโดนด้วยจนตาบอดทั้ง 2 ข้างด้วย“แม่อุ้มลูก 8 เดือนจาก กาญจนบุรี มาขอให้ผมช่วย แม่ถูกเมียคนที่ 2 ของพ่อ ย่องเอาน้ำกรดมาราดหัวแม่ตอนอาบน้ำน้อง 8 เดือน จนแม่หูหลุดหน้าเหลวผิดรูปแขนใช้ได้ข้างเดียวเละทั้งตัว แม่พยายามอยู่นิ่งๆเพื่อไม่ให้น้ำกรดโดนน้อง แต่ก็ไม่พ้นเมียอีกคนของพ่อเห็นน้องจึงเอาน้ำกรดราดใส่น้องทั้งตัวจนตาบอด 2 ข้างหน้าตัวเละเหลวผิดรูปปัจจุบันพ่อทิ้งแม่และลูกไปมีเมียใหม่ คนก่อเหตุลอยนวล ผมรับปากช่วย” “เคสแบบนี้ต้องเจอผม สงสารน้องมาก ส่งน้องตกนรกทั้งเป็นเลย มันจะได้รับผลของการกระทำอย่างสาสม”
เวลาต่อมา พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตํารวจภูธร(ผบก.ภ.จว.)กาญจนบุรีจึงเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จนกระทั่งได้รับรายงานข้อเท็จจริงจาก พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่ นางเกตีฯ อยู่บ้านเช่าไม่ทราบเลขที่ ซ 3 เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา และกำลังอาบน้ำให้ ด.ญ.ก่อหญ้าฯ ลูกสาว)อยู่ ต่อมาได้มี น.ส.ชอนฯ สัญชาติเมียนมา มาหาที่บ้าน และได้ใช้น้ำกรดบรรจุในขวดพลาสติกสีเหลือง จำนวน 1 ขวด สาดใส่ นางเกตีฯ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ ใบหน้าด้านขวา ใบหู คอ และร่างกายทั้งตัว และ ด.ญ.ก่อหญ้าฯ ลูกสาว ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า ร่างกายทั้งตัว และตาบอดทั้งสองข้าง
โดยมีคนเรียกรถพยาบาล นำตัวนางเกตีฯ และ ด.ญ.ก่อหญ้าฯ ลูกสาว ไปรักษาที่อนามัยในอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา แล้วส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ(รพ.สต.)บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี และส่งต่อไปรักษาที่ รพ.สังขละบุรี แล้วส่งต่อไป รพ.พหลพลพยุหเสนาก่อนจะส่งแยกกันไปรักษา ที่ รพ.นพรัตน์ราชธานี และ รพ.ศิริราช โดยนางเกตีฯ ใช้เวลารักษาตัว 3 เดือน ด.ญ.ก่อหญ้าฯ ลูกสาว ใช้เวลารักษาตัว 5 เดือน
ต่อมา (9 มี.ค.67) นางเกตีฯ จึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.สังขละบุรี ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ชอน ไม่มีชื่อสกุล สัญชาติเมียนมาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด พนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ได้ทำการสอบสวนผู้กล่าวหา พยานไว้แล้ว และได้ทำหนังสือเสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ ตช. 0022 (กจ).3(14)/716 ลงวันที่ 12 มี.ค.2567 “เรื่องขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร หรือ ไม่
ต่อมาตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0033.1/245 ลงวันที่ 5 เม.ย.2567 “เรื่อง คืนเรื่องการสอบสวนกรณีขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20” อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ เกิดขึ้นและสำเร็จลงในประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งอยู่นอกราชอาณาจักรไทย โดยไม่ปรากฎว่ามีการกระทำส่วนหนึ่งส่วนใดได้กระทำในราชอาณาจักไทย
วันนี้ “กัน จอมพลัง” พร้อมด้วยทีมงานพานางเกตีฯ เดินทางมาถึง สภ.สังขละบุรี โดยมีนายสุริยศักดิ์ เหมือนอ่วม นายอำเภอสังขละบุรี พ.ต.ท.กิตติณัติ์ ปรีชาวุฒิวงศ์ รอง.ผกก.ป สถ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิวันสกาย สมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอสังขละบุรี ให้การต้อนรับ ก่อนจะประชุมร่วมกันที่ห้องประชุม สภ.สังขละบุรี
โดย”กัน จอมพลัง”ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ นางเกตีฯ และน้องกอหญ้า ทั้งการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อ การให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินในระหว่างการรักษาตัว โดยนางเกตีฯ ได้ยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ
ในโอกาสนี้นายอำเภอสังขละบุรี ได้เป็นตัวแทนมอบเงินช่วยเหลือของกิ่งกาชาด แก่นางเกตีฯและลูก คนละ 3,000 บาท นอกจากนั้นก่อนหน้านี้เคยรวบรวมเงินจากสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอสังขละบุรีให้นางเกตีฯและลูกจำนวน 14,000 บาท นายสุริยศักดิ์ เหมือนอ่วม ได้พูดและให้กำลังใจ รวมทั้งเปิดเผยว่าที่ผ่านมาทางอำเภอสังขละบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าช่วยเหลือดูแลตลอดมาตั้งแต่ได้รับแจ้งจากทาง รพ.สังขละบุรี ตามพันธกิจของงานกาชาด ที่ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใด สัญชาติใด เราก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ
ขณะที่ “กัน จอมพลัง”ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสืบหาข้อมูล เนื่องจากได้รับข้อมูลว่านายตีหะ สามีนางเกตี มีส่วนเกี่ยวข้องกับชบวนการขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศไทย และพบว่าที่ผ่านมามีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง
จากนั้น “กัน จอมพลัง” พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปยังบ้านของ นางหวาน (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านน้ำเกิ๊ก ม.8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวของตนเองและลูกสาว โดยนางเกตี และ.กัน จอมพลัง ได้ใช้เวลาพูดคุยกับนางหวาน แม่ของสามี นานกว่า 30 นาที
ขณะที่นางหวาน กล่าวว่า ขอขอบคุณ”กัน จอมพลัง” ที่ได้ช่วยเหลือลูกสะใภ้และหลานของตนเอง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของนางซอน โดยต้นเหตุเกิดมาจากนายตีหะ ลูกชายของตนเอง หลังเกิดเหตุได้พานางเกตี และลูกสาว เข้ารับการรักษา และพักฟื้นที่บ้าน หมดค่ารักษาไปมาก 400,000 บาท เพราะรักและสงสารลูกสะไภ้ และหลานมาก..เสียง
โดยก่อนเดินทางกลับนางเกตีฯได้ก้มลงกราบแทบเท้านางหวานแม่สามี ก่อนจะโอบกอด พร้อมขอบคุณทั้งน้ำตา ที่ให้ความรักและเมตตาตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา เช่นเดียวกับ”กัน จอมพลัง” ที่กล่าวขอบคุณนางหวานที่ดูแลนางเกตีและลูกสาวด้วยดีตลอดมา พร้อมรับปากจะดูแล และให้การรักษานางเกตีฯและเด็กหญิงกอหญ้า ให้ดีเท่าที่จะทำได้ หากเป็นไปได้ในอนาคตอยากให้นางหวานพานายตีหะ ลูกชายไปเยี่ยมนางเกตี และน้องกอหญ้า บ้าง
กัน จอมพลัง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเดินทางมาสังขละบุรีเพื่อพานางตีหะ มาเก็บของใช้ส่วนตัวของเธิและลูกสาวเนื่องจากต้องพาทั้ง 2 คนแม่ลูกไปอยู่บ้านหมอปลา ที่จ.เพชรบุรี โดยทางหมอปลาไดจัดทำห้องปลอดเชื้อเอาไว้ให้อยู่เป็นที่เรียบร้อย ส่วนแนวทางในการรักษาตัว กลุ่มเพื่อน กัน จอมพลัง ได้รวบรวมเงินเอาไว้อยู่ที่ประมาณ 900,000 บาท จะนำเงินตรงนี้มารักษาตัวทั้งแม่และลูก ในส่วนของนางซอนมือราดน้ำกรด ตอนนี้ตนได้ตั้งค่าหัวไว้ 100,000 บาท ถ้าเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมา หรือเจ้าหน้าที่ของชนกลุ่มน้อยทั้งกะเหรี่ยงและมอญ สามารถนำตัวนางซอนมารับโทษอย่างสามสมได้ จนพร้อมมอบเงิน 100,000 บาท ให้ทันทีตามที่ได้ประกาศไว้ พร้อมทั้งอยากฝากให้หน่วยงานทั้งประเทศไทยและเมียนมา ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เนื่องจากอาจมีการลอกเลียนแบบต่อไป หากไม่มีบทลงโทษที่จริงจัง ขณะนี้ในประเทศไทยเอง ตนเองได้รับการร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อยจากกรณีโดนทำร้ายด้วยการเอาน้ำกรดมาสาดใส่ และ 2 ราย ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ตนเองรับไม่ได้จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายในการนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษ รวมทั้งเร่งหามาตรการควบคุมการจำหน่ายน้ำกรด อย่างจริงจัง
////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์