ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
สกลนคร วาริชจัดบุญบั้งไฟล้านนมัสการพระธาตุศรีมงคล
11 พ.ค. 2567

      วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ที่วัดพระธาตุศรีมงคล ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ดร.ชูพงศ์ คำจวง นายก อบจ.สกลนคร และนายกสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย ร่วมงานบุญประเพณีบุญบั้งไฟล้านนมัสการองค์พระธาตุศรีมงคลโดยวัดธาตุศรีมงคล ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2445 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 เริ่มแรกมีชาวบ้านจากเมืองวารี (อำเภอวาริชภูมิในปัจจุบัน) มีนายเวียงแก โฮมวงศ์ เป็นหัวหน้า พร้อมด้วยหลวงสุวรรณราช (กะยะ) นายเมืองกาง หัศกรรจ์ หลวงแก้ว (ไม่ทราบนามสกุล) นายบุตราช บุญรักษา และนายจันด้วง แก้วคำแสน ได้พากันออกมาหักร้างถางพงไพร เพื่อทำไร่ แต่พอถางลึกเข้าไปก็พบองค์พระธาตุร้างอยู่ในดง จึงได้นิมนต์ท่านพระครูหลักคำ ประธานสงฆ์เมืองวารี มาพิจารณา ท่านเห็นว่าสถานที่บริเวณนี้เป็นมงคล เหมาะที่จะสร้างหมู่บ้าน จึงได้ตั้งหมู่บ้านชื่อว่า บ้านธาตุ และสร้างวัดตรงนั้น ตั้งชื่อพระธาตุร้างนั้นว่า พระธาตุศรีมงคล และตั้งชื่อวัดว่า "วัดธาตุศรีมงคล มีเจ้าอาวาสรูปแรกคือ ท่านพระครูพร

        พระธาตุศรีมงคล สร้างขึ้นในสมัยใดไม่ทราบแน่ชัด กล่าวกันว่า พระธาตุศรีมงคลนี้ได้สร้างคู่กับพระธาตุดงเชียงเครือ ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปทางทิศเหนือประมาณ 500 เมตร บ้างสันนิษฐานว่า สร้างในสมัยสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช ผู้ครองเมืองเวียงจันทน์ พระธาตุมีลักษณะเป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยม ยอดแหลม ตกแต่งด้วยศิลปกรรมยุคใหม่ก่ออิฐถือปูนประดับด้วยลายปั้นดินเผา บริเวณฐานเป็นพุทธประวัติสร้างด้วยดินเผาที่สร้างขึ้นครอบพระธาตุองค์เดิม ซึ่งเป็นศิลาแลงที่ชำรุด ภายในพระธาตุมีวัตถุโบราณ เช่น พระพุทธรูปที่ทำด้วยทองคำบ้าง ทองสัมฤทธิ์บ้าง และทำด้วยวัตถุอย่างอื่นอีกมากมาย จะเห็นได้จากเมื่อพระธาตุสลักหักพังลงมา โดยบรรยากาศในงาน มีประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในทุกๆปีงานประเพณีบุญบั้งไฟล้านนมัสการองค์พระธาตุศรีมงคลจะมีประชาชนแต่งกายชุดภูไทพื้นถิ่นเข้าร่วมงาน และมีการรำถวายยพระธาตุศรีมงคล โดยพร้อมเพรียงสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของชาววาริชภูมิ และในปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2567 

 

 //////////////////// วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร 0819541528

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...