ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
กาญจนบุรี - สส.ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ เดินหน้าผลักดันเพิกถอน พรฎ.2481 กำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน พ.ศ. 2481
13 พ.ค. 2567

 ในส่วน ปชช.ถือครอง ดันออกโฉนด กระตุ้นเศรษฐกิจ หวัง ชาวกาญจน์ทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารได้

วันนี้ 13 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 4 เปิดเผยว่า เรื่องที่ดินเป็นปัญหาใหญ่สำหรับชาวจังหวัดกาญจนบุรีมาเนิ่นนาน เพราะเมื่อ พ.ศ.2481 ได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกา ครอบคลุมพื้นที่ 3.5 ล้านไร่เศษ แยกเป็นจังหวัดกาญจนบุรีประมาณ 3 ล้านไร่ และ อ.สวนผึ้ง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ประมาณ 5 แสนไร่ การประกาศของรัฐบาลในสมัยนั้นนั้นอย่าลืมว่าประเทศไทยของเรามีประชากรอยู่แค่ 5-6 ล้านคน ไม่ถึง 10 ล้านคนด้วยซ้ำ  

จุดประสงค์ของการประกาศพระราชกฤษฎีกา 2481 เพื่อต้องการสงวนไม้ไผ่เพียงชนิดเดียวเอาไว้ป้อนเข้าสู่โรงงานกระดาษในจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น เพราะรัฐบาลกลัวว่าไม้ไผ่จะหมดไป จึงประกาศครอบคลุมพื้นที่ 3.5 ล้านไร่ ให้เป็นพื้นที่สงวนหวงห้ามเพื่อที่จะตัดไม้ไผ่มาเป็นวัตถุดิบในการผลิตเยื่อกระดาษ

 เมื่อนับย้อนเวลากลับไปเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 50-60 ปี ที่โรงงานกระดาษแห่งนี้ได้ปิดตัวลง นั่นแสดงว่าที่ดิน 3.5 ล้านไร่ หมดวัตถุประสงค์ลงแล้ว และที่สำคัญจำนวนประชากรในอดีตกับปัจจุบัน เปลี่ยนไปมาก จากที่เคยมีประชากรไม่ถึง 10 ล้านคน กลายเป็นเกือบ 70 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าของจำนวนประชากรที่เคยมีในปี พ.ศ.2481 ผ่านมา 86 ปี พระราชกฤษฎีกาก็ยังคงอยู่เช่นเดิม

ผมจึงมองว่าอะไรที่มันเก่าก็ควรจะต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัย ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น บ้านหรือรถยนต์ที่เรามีหากชำรุดทรุดโทรมเพราะถูกใช้มานานหลายปีก็ต้องมีซ่อมแซมแก้ไขให้ใช้การได้ดีขึ้น เสื้อผ้าเก่าที่ขาดแล้วก็ต้องซื้อใหม่ ทรงผมที่ตัดก็มีการเปลี่ยนไปเรื่อยตามรสนิยมของแต่ละคนเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยนั้นๆ ที่ดินตามพระราชกฤษฎีกา 2481 ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและราชบุรี จำนวน 3.5 ล้านไร่ก็เช่นกัน ควรมีการเพิกถอนแก้ไขข้อกฎหมายที่ถูกบังคับใช้มานานถึง 86 ปีได้แล้ว

ซึ่งการแก้ไขหรือการพิจารณาเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา ใช่ว่าจะเรียกร้องให้เพิกถอนเลยทั้ง 3.5 ล้านไร่ ผมเคยรับราชการทั้งกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ จนกระทั่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งสุดท้ายคืออธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก่อนจะได้รับความไว้วางใจจากราษฎรเลือกให้เข้ามาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส.เขต 4 จังหวัดกาญจนบุรี ในนามพรรคเพื่อไทย จึงขอเรียกร้องผ่านกระทรวงการคลังไปถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ ว่าที่ดินตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481  เนื้อที่ 3.5 ล้านไร่ ต้องแยกออกเป็น 3 ส่วน 

ส่วนที่ 1 ที่ดินที่หน่วยงานส่วนราชการขอใช้ประโยชน์จากกรมธนารักษ์ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ทหารขอใช้ประโยชน์ในการฝึกยุทธวิธีทางทหาร รวมทั้งหน่วยงานราชการอื่นๆขอใช้พื้นที่ในการปลูกสร้างอาคารสถานที่ทางราชการ เช่นที่ว่าการอำเภอ หรือแม้กระทั่งศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น

พื้นที่ส่วนที่ 2 คือ พื้นที่ที่เป็นภูเขาและป่าไม้ที่มีสายน้ำ ลำธาร จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด พื้นที่ทั้งสองส่วน คือส่วนที่ 1 และ 2 สมควรและเหมาะสมที่จะสงวนหวงห้ามเอาไว้ให้เป็นทรัพยากรของชาติ ยกเว้นพื้นที่ที่หน่วยงานราชการไม่ใช้ประโยชน์แล้ว ควรส่งมอบคืนให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อนำไปจัดสรรให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินรายใหม่ได้เช่าสร้างที่อยู่อาศัยและทำมาหากินต่อไปในอนาคต ซึ่งจะทำให้กรมธนารักษ์มีรายได้จากการเช่าจากผู้เช่ารายใหม่

สุดท้ายพื้นที่ในส่วนที่ 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนที่สำคัญต่อประชาชนเป็นอย่างมาก คือพื้นที่ที่ราษฎรถือครองทำมาหากินมาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน บางรายอาจจะอยู่ก่อนที่จะมีการประกาศเป็นเขตสงวนหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 เพื่อนำไม้ไผ่ป้อนเข้าโรงงานกระดาษด้วยซ้ำไป ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ควรจะเพิกถอนหรือยกเลิกพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 แล้วพิจารณาออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดให้กับประชาชน เพื่อที่ประชาชนจะได้นำที่ดินไปทำธุรกรรมทางด้านการเงินกับธนาคารเพื่อนำเงินมาลงทุนโดยไม่มีปัญหาอีกต่อไป 

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผมพยายามเรียกร้องพยายามหาวิธีว่าจะทำอย่างไรกับที่ดินที่ประชาชนถือครองอยู่นั้นจะถูกเพิกถอนออกจากพระราชกฤษฎีกา 2481 ซึ่งผมไม่ได้ตำหนิหรือกล่าวโทษท่านอธิดีกรมธนารักษ์ เพราะผมเคยพูดไปแล้วว่าคนที่เป็นข้าราชการหรือเป็นอธิบดี ก็ต้องรักษากฎหมายหรือระเบียบที่เขามีอยู่ อธิบดีกรมธนารักษ์พูดได้แค่เพียงว่าเขามีระเบียบให้เช่า ก็มาเช่า ซึ่งเขาพูดได้แค่นี้จริงๆ

แต่อย่างไรก็ตามในฐานะที่ผมเป็น สส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ผมจะพยายามทำทุกวิถีทางให้เกิดการเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา 2481 ในพื้นที่ส่วนที่ 3  ที่ประชาชนถือครองอยู่ให้ได้ ขณะนี้ผมกำลังศึกษาและให้นักกฎหมายดูขั้นตอนอยู่ว่ามีวิธีใดบ้างที่สามารถนำเข้าไปถกปัญหาใน ครม.ได้ หรือจะเสนอเพิกถอนโดยฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายใด เพื่อให้เกิดการพิจารณาเพิกถอนที่ราชพัสดุเฉพาะส่วนที่ประชาชนถือครองและทำประโยชน์อยู่ ซึ่งผมขอเอาใจช่วยและจะผลักดันเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้ได้
   ///////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา   ไหลวารินทร์

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...