ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันนี้ 13 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่บริเวณศาลหลักเมืองกาญจนบุรี ถนนหลักเมือง ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีสมโภชศาลหลัก เมือง ประจำปี 2567 พร้อมด้วย ว่าที่ร.ต.ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ รอง ผวจ.กาญจนบุรี นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รอง ผวจ.กาญจนบุรี นางสาวรังสิมา ลัธธนันท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.สุรยุทธ เมฆมังกร ผกก.สภ. เมืองกาญจนบุรี นายสมหวัง ปุณยถิรวาณิชย์ ประธานกรรมการศาลหลักเมือง และอดีตรองนายก ทม.กาญจนบุรี นายวสันต์ ภูษิตกาญจนา นายก ทม.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.ที่ 13 ผศ.จรายุทธ ประทีปวรกาญจน์รองอธิการบดี มรภ.กาญจนบุรี นายเกรียงไกร จงเจริญ รองนายก ทม.กาญจนบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวกาญจนบุรี เข้าร่วมพิธีฯ
ต่อจากนั้น ร้อยโท ทศพล ไชยโมินทร์ ประธานในพิธีสมโภชศาลหลักเมืองกาญจนบุรี พร้อมคณะได้เดินทางมายังบริเวณพระบรมราชานุเสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จุดธูป เทียน ถวายเครื่องสักการะบูชาพระบรมราชานุเสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และวางพวงมาลัย
ต่อจากนั้นประธานในพิธีได้เดินทางไปยังบริเวณศาลหลักเมือง เพื่อทำพิธีจุดธูป เทียนที่โต๊ะวางเครื่องบวงสรวง โดยมีพราหมณ์กล่าวโองการเชิญเทวดาและถวายเครื่องสักการะบูชาบวง สรวงเทวดา ประธานพิธีฯโปรยเข้าตอก-ดอกไม้ที่บริเวณโต๊ะเครื่องบวงสรวงเพื่อต้อนรับเทวดา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เรียนเชิญประธาน พร้อมตัวแทน จำนวน 9 ท่านขึ้นสู่ศาลหลักเมืองเพื่อทำพิธีเวียนเทียนสมโภชศาลหลักเมืองกาญจนบุรีเพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกันเป็นประจำทุกปีเป็นอันเสร็จพิธี
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายวสันต์ ภูษิตกาญจนานายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ พร้อมถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ จตุปัจจัย กรวดน้ำ พระสงฆ์อนุโมทนา ปะพรมน้ำมนต์ให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน เพื่อเสริมสร้างเป็นสิริมงคล
ภายในศาลหลักเมือง ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี “หลักที่ 143 จารึกบนแผ่นไม้สักที่ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี” ปัจจุบันอยู่ในบริเวณศาลหลักเมือง ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จารึกหลักนี้มีเนื้อหาตรงกันกับจารึกหลักเมืองกาญจนบุรี ซึ่งทำจากหินทราย แต่สภาพสมบูรณ์กว่า คาดว่าจะเป็นการคัดลอกมาจากจารึกดังกล่าว เนื่องจากบรรทัดแรก มีข้อความว่า อักษรจารึกหลัก “ศิลา” เมืองกาญจนบุรี (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน จารึกหน้าศาลหลักเมืองกาญจนบุรี) อนึ่ง เมืองกาญจนบุรี เดิมตั้งอยู่ในบริเวณเขาชนไก่ ต่อมารัชกาลที่ 3 โปรดให้ย้ายมาที่ปากแพรก ริมฝั่งตะวันออกของลำน้ำ 2 สาย คือ แควใหญ่ และแม่กลอง เนื่องจากที่ตั้งเดิมลำบากในด้านการเดินทาง ส่วนที่ปากแพรกสามารถค้าขายกับราชบุรี ได้สะดวก กำแพงเมืองที่ปากแพรกนี้ เดิมเป็นแค่การปักเสาระเนียดบนเชิงเทิน ต่อมาจึงมีการสร้างกำแพงก่ออิฐถือปูน ดังที่ปรากฏในจารึก ในปัจจุบัน ป้อมและกำแพงดังกล่าวเหลือให้เห็นเพียงประตูด้านหน้า ซึ่งมีอักษรจารึกว่า “เมืองกาญจนบุรี พ.ศ. 2374”, แนวกำแพงด้านริมน้ำ, แนวกำแพงด้านหลังที่โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์และป้อมมุมเมืองด้านวัดไชยชุมพลชนะสงครามเท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วมพังลงมาในสมัยรัชกาลที่ 5 และมีการรื้อเพื่อสร้างเป็นโรงงานกระดาษ ใน พ.ศ. 2481
และกำแพงเมืองกาญจนบุรี รวมถึงการปฏิสังขรณ์วัดในเมืองและในกรุงเทพมหานครโดย พระยาประสิทธิสงคราม เจ้าเมืองกาญจนบุรี ตอนท้ายแผ่ผลบุญแด่เทพทั้งหลายและขอให้ตนสำเร็จแก่พระนิพพาน คำนวณจากวันเดือนปี ล่าสุดที่ปรากฏในบรรทัดที่ ซึ่ง ประสาร บุญประคอง ได้คำนวณไว้ว่าตรงกับ วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2378 ตรงกับปีมะแม ไม่ใช่ปีระกา ตามที่ระบุไว้ในจารึก ช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร. 3) แห่งราชวงศ์จักรี (ครองราชย์ พ.ศ. 2367 - 2393) และมีการบูรณะใหม่ "ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี สร้างขึ้นใหม่แทนศาลเดิมซึ่งชำรุดในสมัยพระยาประสิทธิสงคราม (รามภักดี ศรีวิเศษ) เจ้าเมืองกาญจนบุรี คนที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2503 เป็นอาคารจัตุรมุขหลังคาทรงไทย ภายในประดิษฐานหลักเมืองซึ่งเป็นเสาหัวเม็ดทรงมัน ด้านหน้ามีศิลาจารึกและจารึกไม้สักระบุวัน เดือน ปีที่สร้างเมืองศาลหลักเมือง เป็นที่เคารพสักการะของชาวกาญจนบุรี โดยเทศบาลเมืองกาญจนบุรีได้จัดงานพิธีบวงสรวงและสม โภชศาลหลักเมืองประจำทุกปี ในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 เพื่อความเป็นสิริมงคลของประชาชนชาวกาญจนบุรี"
/////////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์