นายยุทธนา ทวีพรวัฒนะกุล กรรมการบริหารบริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ได้จดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัท เมื่อ 29 ม.ค.64 มีผู้ถือหุ้น 114 คน สหกรณ์ 10 แห่ง ขาวสวนปาล์มน้ำมัน 500 ครัวเรือน ผู้ประกอบการลานเท 50 แห่ง โดยเข้าซื้อโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด สาขาคลองท่อม เป็นการประกาศขายรอบที่ 3 เดือน ก.พ.64 และเป็นการขายตามมติที่ประชุมใหญ่ของชุมนุมสหกรณ์ฯในราคา 320 ล้านบาท เนื่องจากประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก
ต่อมาวันที่ 23 มี.ค.ม 64 บริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด ได้รับมอบโรงงานและได้ทำการปรับปรุงซ้อมแซมและเดินเครื่อง วันที่ 4 พ.ค.64 จนมีผลกำไร นับตั้งแต่บริษัทเข้าดำเนินการวันที่ 1 เม.ย.64 ถึงวันที่ 1 พ.ค.67 รับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร 264 ครัวเรือน ลานเทสหกรณ์และลานเทชุมชน 32 แห่งพื้นที่ปลูกปาล์ม 36,583 ไร่ รวม 430,000 ตัน มูลค่า 2,580 ล้านบาท ผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้ 77,000 ตัน มีอัตราการสกัดเฉลี่ย 18 เปอร์เซ็นต์
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าตรวจสอบบริษัทฯโดยอ้างว่า มีการซื้อขายโรงงานสกัดฯไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และอายัดทรัพย์สินของบริษัทฯทั้งหมด เมื่อวันที่ 4 ส.ค.65 และให้บริษัทฯส่งมอบของกลางวันที่ 22 เม.ย.67 ทำให้บริษัทต้องหยุดประกอบกิจการลงอย่างกะทันหัน ส่งผลกระทบต่อคู่ค้า เกษตรกรสมาชิก ลานเท พนักงาน และธุรกิจของบริษัทอย่ารุนแรง
นายยุทธนา กล่าวอีกว่า บริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด ได้ทำสัญญาซื้อและขายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มกระบี่ จำกัด ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายตามคำตัดสินของศาล เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 จากการที่บริษัทฯถูกอายัดทรัพย์สินทั้งหมดส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง มีการให้ข่าวด้านเดียวใส่ร้ายให้ร้ายให้เสื่อมเสียต่อบริษัท ว่ามีส่วนต่อการทุจริตในชุมนุมสหกรณ์ฯทั้งที่บริษัทได้จัดตั้งขึ้นโดยการรวมกลุ่มเกษตรกรจำนวนมาก ภายหลังที่ชุมนุมดังกล่าวมีการทุจริตและขาดทุนไปแล้วนานเป็นปี
มีการเลือกดำเนินคดีโดยเบี่ยงแบนประเด็นจากการทุจริตของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่จำกัด มีทั้งการทุจริตในการทำธุรกิจขาดทุน กว่า 1,000 ล้านบาท การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การตรวจสอบกิจการของเจ้าหน้าที่รัฐ และเจ้าหน้าที่ของชุมนุมสหกรณ์ฯมีข้อบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรง ยังไม่มีการหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี แต่กลับมาตั้งประเด็นในการซื้อและขายโรงงานสกัดฯของชุมนุมกับบริษัทฯจนนำมาสู่การการอายัดทรัพย์สินที่บริษัทครอบครอง ถือเป็นการกระทำที่มีนัยยะซ่อนเร้นแอบแฝงอย่างน่าสงสัย
อยู่ในลักษณะการทำงานแบบทฤษฎีสมคบคิดของเจ้าหน้าที่ และกรรมการหรืออดีตผู้ตรวจสอบกิจการ เพื่อปัดความผิด ปกปิดความผิดให้พ้นจากตัว ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมหรือเพื่อฟื้นฟูกิจการของชุมนุมแต่อย่างใด
โดยเมื่อวันที่ 20 ที่ผ่านทางสมาชิกและเกษตรกร รวมถึงนายปกครอง ชูศรี ประธานกรรมการบริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานของ ดีเอสไอ ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และได้ยื่นหนังสือผ่านนายเอกรินทร์ จันทร์ชิต ถึงสมาคมชาวปักษ์ใต้ ขอให้ช่วยเหลือในเรื่องที่เกิดขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
มี 4 ประเด็น 1.ให้ยกเบิกคำสั่งอายัดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบของบริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด 2.ให้เชิญคู่สัญญาระหว่างชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ และบริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด มาตกลงหาข้อยุติร่วมกัน โดยจังหวัดกระบี่เป็นประธานในการเจรจา 3.ให้มีมาตรการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อบริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด ผู้ถือหุ้น พนักงานในปัจจุบันและในอนาคต และ4.ให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลจังหวัดกระบี่เกี่ยวกับสัญญาซื้อขายโดยชอบด้วยกฎหมาย และหากว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป
กระบี่/0936161469