นายมิตร คำเลี้ยง ประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกระบี่จำกัด เปิดเผยว่า กรณีสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกระบี่ จำกัด จำนวนหนึ่ง ร้องเรียนให้สำนักงานสหกรณ์ จ.กระบี่ ตรวจสอบการบริหารงานของคณะกรรมการฯ เนื่องจากสงสัยว่าคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกระบี่ บริหารงานไม่โปร่งใส ในประเด็นการให้สมาชิกกู้เงินโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันซึ่งก่อให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เน่ากว่า 500 ล้านบาทและให้เขตพื้นที่การศึกษากระบี่กู้เงินเพื่อจัดทำจตุคามรามเทพ จำนวน 2,300,000 บาท ซึ่งเป็นการให้กู้เงินผิดระเบียบและขัดกับข้อบังคับสหกรณ์รวมถึงกรณีคณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์ครูกระบี่ ได้นำเงินไปมัดจำการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างสำนักงานสหกรณ์ฯหลังใหม่ จำนวน 2 ล้านบาทจนมีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญให้ระงับโครงการดังกล่าว

นายมิตร กล่าวว่า ปัจจุบันสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกระบี่ จำกัด บริหารกิจการด้วยเงินทุนของสหกรณ์ฯไม่มีภาระหนี้สินกับสถาบันการเงินหรือธนาคารอื่น ซึ่งปัจจุบันสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกระบี่ มีสินทรัพย์ร่วมกว่า 7,000 ล้านบาทเศษ ทุนเรือนหุ้น กว่า 3 พันล้านบาท สำหรับการร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกระบี่ ให้เขตพื้นที่การศึกษากระบี่ กู้เงินเพื่อจัดทำจตุคามรามเทพ จำนวน 2,300,000 บาท ได้มีการดำเนินการเมื่อปี พ.ศ 2550 ซึ่งเป็นการให้กู้เงินผิดประเภทและขัดกับข้อบังคับสหกรณ์ฯ

คณะกรรมการชุดปัจจุบันได้ดำเนินการตามคำสั่งนายทะเบียนคำสั่งที่ 23/2566 (จตุคาม) โดยให้คณะกรรมการดำเนินการฟ้องคณะกรรมการชุดที่มิได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ทำให้สหกรณ์ได้รับความเสียหาย คดีแพ่งฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดกระบี่

และกรณีคณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์ครูกระบี่ ได้นำเงินไปมัดจำการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างสำนักงานสหกรณ์ฯหลังใหม่ จำนวน 2 ล้านบาท ได้ดำเนินการเมื่อปีพ.ศ 2550 จนมีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญให้ระงับโครงการดังกล่าว คณะกรรมการชุดปัจจุบันได้มีการดำเนินการตามคำสั่งนายทะเบียน
คำสั่งที่ 24/2566 (ที่ดิน)ได้ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีกับคณะกรรมการดำเนินการชุดที่มิได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์จนทำให้สหกรณ์ได้รับความเสียหายคดีแพ่งฐานละเมิดเรียกค่าเสียหาย คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดกระบี่ 

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ มีอัตราการเพิ่มตั้งแต่ปีพ.ศ 2554 และมีจำนวนหนี้ดังกล่าวสูงสุดในปีพ.ศ 2560 กว่า 500 ล้านบาท หลังจากนั้นคณะกรรมการดำเนินการแต่ละชุดได้หาวิธีการปรับแก้ไขโดยกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันสามารถลดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้เป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาทและได้วางมาตรการกำหนดวิธีการติดตามเร่งรัดและจัดการหนี้เพื่อให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง สิ้นปี 2566 มีจำนวน 437 ล้านบาทเศษ คณะกรรมการได้ดำเนินการ ติดตามทวงถามและวิธีการอื่นๆควบคู่กับระเบียบข้อบังคับและกฎหมายเพื่อลดจำนวนหนี้ให้เร็วและมากที่สุด
ขอเรียนให้ทราบว่าคณะกรรมการชุดปัจจุบันได้ดำเนินงานกิจการสหกรณ์ตามกระบวนการของสหกรณ์และเป็นไปตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อประโยชน์ของสมาชิกและสหกรณ์

กระบี่/0936161469