10 ปีไม่คืบ เมืองพัทยาปิดคำสั่งรื้อการดัดแปลงต่อเติมอาคาร 11 หลัง โรงแรมในเครือบูติดโฮเตลนานนับปี แต่กลับปล่อยวางไม่มีการติดตามบังคับตามกฏหมาย นายกพัทยารับเรื่องเตรียมเรียกหน่วยงานชี้แจง
จากกรณีที่เมืองพัทยา มีคำสั่งให้สถานประกอบการโรงแรมในเครือบูติค โฮเต็ล ของบ้านจอมเทียน ฮอลิเดย์ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ช่วงกลางซอย วี.ซี.พัทยาใต้ ดำเนินการรื้อถอนอาคารจำนวน 2 แห่ง เนื่องจากพบว่า เป็นอาคารที่ก่อสร้างผิดแบบตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่ได้มีการต่อเติมดัดแปลงอาคาร ค.ส.ล.ขนาด 5 ชั้น เป็น 7 ชั้น และอาคารขนาด 7 ชั้น เป็น 13 ชั้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น รวมไปถึงยังไม่มีการเว้นพื้นที่ set back จากแนวถนนตามข้อระบุของกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาเมืองพัทยาได้ดำเนินการออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง รวมทั้งคำสั่งให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 พร้อมมอบหมายให้นิติกรเมืองพัทยา เป็นผู้ดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบ สวน ก่อนส่งเรื่องฟ้องศาล ทั้งนี้ กรัท่งต่อมาเมืองพัทยาเองซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายในการเข้ามาจัดการเกี่ยวกับตัวอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร จึงได้สนธิกำลัง ร่วมกับทหารจาก มบท.14 เข้ามารื้อถอน พร้อมจะประสานไปยังโรงแรมเพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
มีรายงานว่าในชวงเวลาดังกล่าวเมืองพัทยายังตรวจพบว่านอกจากอาคาร 11 ชั้น ของโรงแรมบูติค โฮเต็ลแล้ว ยังมีอาคารอื่นๆ ในเครือเดียวกันที่มีการดัดแปลงอาคาร และก่อสร้างผิดไปจากแบบอีก จำนวน 9-11 โครงการ ซึ่งที่ผ่านมาเมืองพัทยา ได้รวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว เหตุเพราะภาครัฐให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากด้วยพัทยาถือเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ดังนั้นกรณีของอาคารในการรองรับจึงมีความจำเป็นที่ต้องมีความเป็นมาตรฐานตามที่กฎหมายระบุ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เข้ามาควบคุมกำกับดูแลก็อาจสร้างอันตราย และผลเสียที่รุนแรงได้ในอนาคต
ทั้งนี้จากข้อมูลแล้วพบว่าอาคารเหล่านี้เมืองพัทยาได้ออกคำสั่งไปแล้วตามความผิดในข้อบังคับของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ทั้งคำสั่งระงับ ห้ามใช้ ห้ามก่อสร้างต่อเติมอาคาร รวมทั้งการแจ้งความดำเนินคดี การออกคำสั่งรื้อถอน และการออกประกาศให้รื้อถอน ซึ่งส่วนใหญ่เมืองพัทยาได้ดำเนินการไปตั้งแต่ปี 2556 หรือกว่า 10-11 ปีที่ผ่านมา แต่กลับพบว่าจนถึงปัจจุบันเมืองพัทยาในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่มีหน้าที่กำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง กลับปล่อยทิ้งคาราซังไว้จนถึงปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาถือเป็นกรณีที่ภาครัฐให้ความสำคัญเป็นอย่างมากก็ตาม
อย่างไรก็ตามสำหรับอาคาเหล่านี้ล่าสุดพบว่ามีการดำเนินการรื้อถอนไปแล้วจำนวน 2 อาคาร ขณะที่อีก 1 อาคารมีการยื่นขออนุญาติก่อสร้าง ต่อเติมและดัดแปลงอาคารต่อเมืองพัทยา ซึ่งกังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบและพิจารณา ส่วนที่เหลืออีก 8-9 อาคารที่เมืองพัทยาได้ออกคำสั่งไปแล้วตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งจนถึงปัจจุบันกลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆหรือมีการเข้าไปบังคับให้ดำเนินการตามคำสั่งของเมืองพัทยาจากเจ้าพนักงานโดยปล่อยให้เป็นเรื่องคาราคาซังมานานกว่า 10 ปีแล้ว
ขณะที่ปัญหาคลองพัทยาใต้ซึ่งมีการร้องเรียนจากประชาชนรวมไปถึงสมาชิกสภาเมืองพัทยาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกรณีของการต่อท่อน้ำทิ้งลงสู่คลองธรรมชาติโดยไม่ผ่านการบำบัด การก่อสร้างสะพานข้ามคลอง โดยไม่ได้รับอนุญาตและการก่อสร้างอาคารริมแนวคลองสาธารณะโดยไม่เว้นระยะ Set Back หรือระยะถอยร่นตามกฎหมาย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการจากเมืองพัทยาอย่างจริงจังแต่อย่างใดเช่นกัน แม้ที่ผ่านมาจะมีการปิดคำสั่งระงับการใช้ ก่อสร่าง ต่อเติมอาคาร และรื้อถอนไปแล้ว ซึ่งกรณีเรื่องของอาคารนี้พบว่าผู้ถูกร้องได้ยื่นขออุทรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดชลบุรี จึงอยู่ในขบวนการของการพิจารณา ขณะที่ปัญหาในด้านอื่นๆ นั้น มีหลายส่วนงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องเข้ามาร่วมแก้ไขด้วย
ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เปิดเผยข้อมูลแก่ผู้สื่อลข่าวว่าสำหรับปัญหาทั้ง 2 กรณีนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เมื่อทราบว่ายังมีปัญหาอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้รับการแก้0ไขจากเมืองพัทยา จากนี้จึงจะได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นส่วนของสำนักการช่างมาชี้แจงเพื่อตรวจสอบข้อมูล และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ก่อนจะมการเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป...