วันนี้ (21 มิถุนายน 2567) นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวถึงมาตรการความปลอดภัย พร้อมแผนรองรับความมั่นคงด้านระบบไฟฟ้าเพื่อให้เกิดเสถียรภาพ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบระบบจำหน่ายระบบไฟฟ้า มีความพร้อมด้านระบบไฟฟ้าอย่างเต็มที่ โดยใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) และระบบ DMS (Distribution Management System) มาใช้ในระบบการบริหารจัดการระบบจำหน่ายไฟฟ้า มีศักยภาพในการควบคุมสั่งการจากศูนย์ควบคุม ทำให้สามารถทราบสาเหตุ และสั่งการระบบจำหน่ายไฟฟ้าได้อัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพความมั่นคงของการจำหน่ายไฟฟ้าในระบบ มีความปลอดภัย พร้อมเชื่อมโยงกับระบบปฏิบัติการ Field Force Management หรือ FFM ที่ใช้ในการเข้าตรวจสอบเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว แม่นยำ พร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจน MEA ได้เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่บูรณาการระบบไฟฟ้าประจำจุดสำคัญทุกแห่ง เพื่อดูแลระบบไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบัน MEA แบ่งพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 18 เขต รวม 3,192 ตารางกิโลเมตร ดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 4.23 ล้านราย โดยมีจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าทีมีพื้นที่ริมน้ำ และชายฝั่งทะเล อยู่ที่ประมาณ 6.8 แสนราย โดยได้มีการวางมาตรการความปลอดภัยด้านระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง ช่วยเหลือประชาชนในการรื้อย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานเกี่ยวข้องดูแลการจ่ายไฟฟ้าของสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ และบ่อสูบน้ำ ที่มีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มากกว่า 382 แห่ง โดย MEA มีการเชื่อมโยงระบบจ่ายไฟฟ้าหลัก และระบบจ่ายไฟฟ้าสำรองให้กับสถานีสูบน้ำทุกแห่ง รวมถึงประสานงานใกล้ชิดกับศูนย์ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ เพื่อการแก้ไขเหตุไฟฟ้าดับฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว จึงได้จัดตั้งทีม Marine MEA ที่เป็นงานภาคสนามสายอากาศทางน้ำ เพื่อรองรับการปฏิบัติงานทางน้ำของ MEA ด้วยบริการที่มีประสิทธิภาพ ทั้งบริการปักเสาพาดสายในน้ำ การแก้ไขไฟฟ้าขัดข้อง ด้วยเรือแก้ไฟ และเรือปักเสาพาดสายในน้ำ ติดตั้งอุปกรณ์ระบบจำหน่ายไฟฟ้าต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน การตรวจสอบบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา
นอกจากนี้ MEA ยังได้กำชับผู้รับจ้างในการดูแลพื้นที่ก่อสร้างโครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน เพิ่มความเข้มงวดในด้านความปลอดภัย รวมถึงการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจมีน้ำท่วมขัง เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามเป้าหมาย 313.5 กิโลเมตร ภายในปี 2572 ขณะเดียวกัน MEA ได้นำนวัตกรรมเข้ามาช่วยเหลือในการปฏิบัติงาน อาทิ เครื่องตรวจสอบไฟฟ้ารั่ว อุปกรณ์เรือบังคับวิทยุตรวจจับไฟฟ้า และนวัตกรรมเครื่องตรวจสอบไฟฟ้ารั่ว (ทุ่นเรือ) มาช่วยตรวจจับไฟรั่วในน้ำจากจุดศูนย์กลางไฟรั่ว 220 โวลต์ ในระยะรัศมีโดยรอบและในน้ำระดับความลึก 1 เมตร และนำเทคโนโลยีตรวจสอบระบบสายส่งไฟฟ้าด้วย Drone ติดกล้อง Thermovision ในการตรวจสอบด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ บนเสาไฟฟ้าทาวเวอร์ ขนาดความสูงไม่ต่ำกว่า 80 เมตร รวมถึงในพื้นที่เข้าถึงยาก และงานที่ต้องการการตรวจสอบบำรุงรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน
สำหรับประชาชนที่พบเห็นอุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด อยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่ MEA Smart Life Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนระบบ iOS และ Android ของ MEA ดาวน์โหลดฟรี หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่
- Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center
- MEA Call Center Online 1130
#ฝนตกหนัก #ฤดูฝน
#ความมั่นคงระบบไฟฟ้า
#MEA #การไฟฟ้านครหลวง