นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่ในขณะนี้พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ผู้รับเหมาก่อสร้างได้มีการเร่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมการปรับปรุงพื้นที่และงานก่อสร้างในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้ในบางช่วงเวลาอาจมีสินค้าวัสดุก่อสร้างบางชนิด เช่น หิน และทราย มีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ กระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายในจึงได้มีการตรวจสอบสถานการณ์สินค้าวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เหล็กเส้น หิน และทราย พบว่าสถานการณ์การค้าปกติ ปริมาณสินค้ามีเพียงพอ ต่อความต้องการใช้ ราคาจำหน่ายคงเดิม และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดการขาดแคลนแต่อย่างใด สำหรับราคาสินค้าได้มีการปรับเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันผู้ผลิตสินค้าหินและทราย ในพื้นที่ดังกล่าวได้มีการเร่งเพิ่มการผลิตสินค้าเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว และผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจากพื้นที่ใกล้เคียงและพื้นที่อื่นๆ ซึ่งมีปริมาณสินค้าจำนวนมากเพียงพอต่อความต้องการใช้และราคาจำหน่ายปกติ
ในส่วนของการกำกับดูแล กรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบสถานการณ์สินค้าวัสดุก่อสร้างทุกชนิดในพื้นที่ดังกล่าว ยังไม่พบว่ามีข้อร้องเรียนจากผู้ใช้ว่ามีปัญหาการขาดแคลนสินค้าหินและทราย หรือมีการฉวยโอกาสปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใดและได้กำหนดมาตรการกำกับดูแลสินค้าวัสดุก่อสร้างทุกชนิดให้แสดงราคาจำหน่ายสินค้าและห้ามฉวยโอกาสปรับราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นหรือห้ามกักตุนสินค้า ทำให้เกิดความปั่นป่วนด้านราคาสินค้า ตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ซึ่งจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันที หากมีการกระทำความผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ