ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.กีรติศักดิ์
ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ฯ ปรก.รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 26 มิ.ย 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 สืบทราบจากสายลับว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับ ลักษณะตำหนิรูปพรรณคล้ายกลุ่มชาวยูเรเซีย จะมาปรากฏตัวบริเวณห้างสรรพสินค้าไอทีชื่อดังแห่งหนึ่ง ใน กรุงเทพมหานคร จึงได้สนธิกำลังหลายนาย กระจายกำลังอยู่โดยรอบๆ
จนกระทั่ง เวลาประมาณ 15.00 น. ในวันดังกล่าว พบตัวบุคคลต่างด้าวรายหนึ่ง รูปร่างกำยำ สันทัด มีตำหนิรูปพรรณตามที่สายลับแจ้งข่าว จึงแสดงตัวขอตรวจสอบพร้อมทั้งแสดงหมายจับ ทราบชื่อ นายอาเมียร์ มุสตาฟาร์ (MR.Amir Mustafa) อายุ 26 ปี สัญชาติตุรกี
ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ใน ความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์ , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้”
เมื่อผู้ถูกจับได้ตรวจสอบหมายจับดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ถูกจับให้การรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันบุคคลตามข้อมูลหมายจับดังกล่าวจริงและไม่เคยถูกจับกุมตามความผิดตามหมายจับมาก่อนแต่อย่างใด สำหรับพฤติการณ์ในการก่อเหตุนั้น ทราบจากแหล่งข่าวว่า การที่ผู้ต้องหาพยายามตามง้อแฟนสาวอยู่เป็นเวลานาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยความหึงหวง เมื่อสบโอกาสได้พบแฟนสาว อยู่บริเวณลานจอดรถห้างดังแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร จึงเข้าไปกระชากโทรศัพท์ของแฟนสาวแล้วหลบหนีไป
เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันแจ้งสิทธิให้ทราบและแจ้งว่าจะต้องถูกจับกุมตามหมายจับดังกล่าว จากนั้นจึงได้ร่วมกันเชิญตัวมายังที่ทำการ กก.สืบสวน บก.ตม.1 เพื่อจัดทำบันทึกการจับกุมและได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางจากหนังสือเดินทางหมายเลข S21099609 ที่ระบุไว้ในหมายจับพบว่า เป็นบุคคลเดียวกันจริงโดยเคยใช้เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรไทยแล้วจำนวน 14 ครั้ง จากนั้นจึงควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน