บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) จับมือพันธมิตร 6 หน่วยงาน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง กับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก รองรับ EEC
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือบีซีพีจี เปิดเผยถึงการลงนามในบันทึกความร่วมมือโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก :นิคมอุตสาหกรรม Smart Park กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตระหนักถึงประโยชน์ในการประสานความร่วมมือกันในการดำเนินโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก: นิคมอุตสาหกรรม Smart Park โดยใช้พลังงานสะอาด เพื่อพัฒนาให้นิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่เป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Development) และเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในกลุ่ม New S-Curve โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือมีนวัตกรรมในการต่อยอด
บริษัทฯ จะนำนวัตกรรมระดับโลกในธุรกิจพลังงานสะอาดมาใช้ในการสร้าง New Energy Economy ใน Smart Park นอกเหนือไปจากการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและซื้อขายไฟฟ้าผ่านอินเตอร์เน็ต ด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการพลังงาน (Demand Side Management) และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
“บีซีพีจีจะศึกษาและพัฒนาการบริหารจัดการความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจากเทคโนโลยีพลังงานสะอาด สร้างนวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ที่ทันสมัยและเหมาะสม รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาและบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ เพื่อการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ให้สอดคล้องกับพื้นที่และสภาพแวดล้อมของโครงการฯ และจะใช้โครงการดังกล่าวเป็นต้นแบบในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อไปในอนาคต” นายบัณฑิตกล่าว
สำหรับความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนขยายธุรกิจ 3 ปีของบริษัท ซึ่งจะมีการลงทุนขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยมีพื้นที่เป้าหมายอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งจากธุรกิจรูปแบบปัจจุบันหรือ Wholesale หรือธุรกิจรูปแบบใหม่หรือ Retail ซึ่งในปี 2561 บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 200 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 600 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2560 โดยวางแผนไว้ว่า170 เมกะวัตต์จะมาจากธุรกิจ Wholesale ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนอีก 30 เมกะวัตต์ จะมาจากกำลังการผลิตไฟฟ้าในส่วนที่เป็น Retail ผ่านธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปในประเทศในรูปแบบต่างๆ