ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานพิธียกช่อฟ้าศาลาการเปรียญ (ร่วมใจ) พระครูปิยรัตนานุกูล (หลวงพี่ต่อ) เจ้าอาวาสวัดมณีวงศ์ จ.นครนายก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระครูโสภณคุณาธาร (หลวงพ่อสิงห์โต)เจ้าอาวาสวัดสาลี อ.บางปลาม้า พระครูพิสุทธิรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเถรพลาย เจ้าคณะตำบลวังน้ำซับ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ประชาชนร่วมพิธีจำนวนมาก และได้เกิดปรากฎการณ์อัศจรรย์ใจพระอาทิตย์ทรงกลด ขณะยกช่อฟ้า ขึ้นยอดศาลากาคเปรียญ เกี่ยวกับศาสนา จึงถือว่าเป็นเรื่องมงคล เชื่อว่า เทวดาฟ้าดิน รับทราบและอนุโมทนาบุญ
พระครูพิสุทธิรัตนาภรณ์ กล่าวว่า การร่วมบุญใหญ่ ในเทศกาลวันเข้าพรรษา สะท้อนชีวิตจากร้ายกลายเป็นดี หนุนดวงชะตา หน้าที่การงาน การเงิน ให้สูงส่ง โดยร่วมเป็นเจ้าภาพยกช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ศาลาการเปรียญร่วมใจ สามารถร่วมสมทบทุนบริจาคซื้อกระจกสี ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ได้ตามกำลังศรัทธา ชื่อบัญชี วัดเถรพลาย ธ.กรุงไทยเลขที่บัญชี 980-757-2827 ขอพลังพุทธานุภาพสิ่งศักดิ์ประจำวัดเถรพลาย บารมีปู่ท้าวเวสสุวรรณโชคดี ปู่ท้าวเวสสุวรรณปลดหนี้ ประทานพรให้ทุกท่าน ที่มีส่วนแห่งบุญครั้งนี้ มั่งมีศรีสุข เหลือกินเหลือใช้ ไม่เจ็บไม่จน สุขสมหวังทุกประการตลอดไป
สำหรับ วัดเถรพลาย เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา จากหลักฐานทางโบราณคดีมีเจดีย์ยุคโบราณก่อด้วยอิฐ ยอดเจดีย์เป็นเนื้อสำริดเก่าแก่ มีลักษณะดอกบัวหงาย 7 ชั้น สันนิษฐานตั้งชื่อวัดตามประวัติที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีที่ดอนเจดีย์ แล้วขุนศึกผู้ใหญ่แวะพักรบเพื่อให้ทหารและช้างพลายได้พัก ก่อนที่จะเดินทางไปบ้านหนองสาหร่าย จึงตั้งชื่อวัดว่า “วัดเถรพลาย” ซึ่งมีความหมายว่า “ช้างของขุนศึกผู้ใหญ่” นอกจากนั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้สร้างพระขุนแผนขึ้น เพื่อมอบเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหาร และส่วนหนึ่งนำบรรจุกรุไว้ที่เจดีย์วัดเถรพลาย จากข้อมูลของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่าตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2423 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2534