ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ความสัมพันธ์ไทย - จีน และ เศรษฐกิจเพื่อนบ้าน ย้อนกลับ
เอกอัครราชทูตจีนแจงปม จีนเทาในไทย ยันไม่กระทบสัมพันธ์ 2 ประเทศ พร้อมร่วมมือตามกฎหมาย
25 ก.ค. 2567

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เชิญผู้แทนการค้า ผู้แทนนักวิชาการ และผู้แทนสื่อมวลชนไทย เข้าร่วมการสัมมนาความสัมพันธ์จีน-ไทย ในวาระครบรอบ 49 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ณ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ นายหาน กล่าวตอนหนึ่งของการสัมมนาถึงข้อมูลสถิติบริษัทจากประเทศจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยจดทะเบียนผ่านสถานทูตจีน 1,000 กว่าบริษัท และที่จดทะเบียนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 1,400 กว่าบริษัท ทั้งหมดเป็นบริษัทแบรนด์หลักของจีนที่มาลงทุนในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจภาคการผลิต และการก่อสร้าง

“อย่างไรก็ตาม นอกจากการลงทุนกระแสหลักเหล่านี้ ยังมีการลงทุนกระแสรอง ซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติจีนมาประกอบธุรกิจในประเทศไทยในนามส่วนบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคบริการ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจหม้อไฟเสฉวน ที่จากการสำรวจพบว่ามี 700 กว่าแห่งในกรุงเทพฯ และกระจายในพื้นที่อื่นๆ อีกจำนวนมาก ถึงแม้จะดูมีจำนวนมาก แต่ถ้าดูจากตัวเลขเงินทุน ก็เป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก ซึ่งการลงทุนในหมวดนี้ ก็อาจจะมีบางส่วนที่เรียกว่าเป็นกลุ่มทุนสีเทาปนอยู่ด้วย

แต่ขอย้ำว่า การลงทุนกระแสหลักของจีนนั้น เมื่อเข้ามาแล้วมีผลต่อการพัฒนา และสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศไทย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ถ้าจะมาจดทะเบียนในไทย ขอใบรับรอง GI ของไทย จะต้องมีวัตถุดิบที่อยู่ในประเทศไทยมากกว่าร้อยละ 40 และถ้าจะมีคนงานจากประเทศจีน ก็มีข้อจำกัดว่า ต้องจ้างคนท้องถิ่น 4 คน ถึงจะมีคนงานจากจีนได้ 1 คน

ต้องบอกว่าทางการไทยมีประสบการณ์อย่างดีในการบริหารจัดการกับทุนต่างประเทศ เป็นหลักประกันว่าทุนที่มาจากต่างประเทศจะต้องสร้างประโยชน์ให้กับท้องถิ่นด้วย ไม่ใช่เท่านี้ บริษัทจีนที่มาลงทุนในเมืองไทยก็มีการตอบแทนสังคมไทย เช่น บริษัทหัวเว่ย ได้มีการจัดตั้งวิทยาลัยเทคโนโลยีดิจิทัลอาเซียนในไทย

จนปัจจุบันมีการอบรมคนงานไทยไป 70,000 กว่าคน และที่นิคมอุตสาหกรรม จ.ระยอง ปัจจุบันนี้มีบริษัทจีน 270 กว่าแห่ง ทุกปีบริษัทเหล่านี้จะมีการบริจาคเงินทุนให้กับองค์กรสาธารณสุข องค์กรการศึกษา และสาธารณกุศลในท้องถิ่น ก็หวังว่าเขาจะทำได้ดียิ่งขึ้นกว่านี้” นายหาน กล่าว

นายหาน กล่าวอีกว่า ส่วนนักลงทุนจีนที่มาลงทุนในไทยเป็นรายบุคคลนั้น บางรายก็เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนสีเทาด้วย ส่วนนี้ยอมรับว่า ทางการจีนมองเห็นปัญหาค่อนข้างมาก เพราะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์และกดดันการแข่งขันให้กับกลุ่มเอสเอ็มอืของไทย บางรายก็อาจจะมีการฝ่าฝืนกฎหมายไทยด้วย

“ในประเด็นนี้ทางการไทยและทางการจีน ควรจะต้องมีการร่วมมือกันใกล้ชิด เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง” นายหาน กล่าว

นายหาน กล่าวว่า ทางการจีนไม่ใด้นิ่งนอนใจ ได้มีการตักเตือนบุคคลที่เข้ามาทำธุรกิจในไทยเหล่านี้ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ต่างๆ และขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศไทย และทางการจีนยินดีร่วมมือกับฝ่ายไทยในการใช้กฎหมายการเงินต่างๆ ทั้งนี้ กลุ่มทุนสีเทาแท้จริงก็เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะต้องจัดการด้วยการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้น

นายหาน ยังกล่าวถึงประเด็นความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศ ว่า มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับไทยในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จีนได้ดุลการค้า 3.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าจีนส่งสินค้าออกมาไทยมีมูลค่ามากกว่าไทยส่งออกไปจีน

“ถ้ามองอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็จะมองว่า แบบนี้ไทยเป็นผู้เสียหาย แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ในความเป็นจริงสินค้าจากจีนกว่า ร้อยละ 85 เป็นสินค้าทุน ซึ่งไทยสามารถนำมาพัฒนาแล้วส่งออกไปต่างประเทศได้ เช่น แผ่นซิลิคอน ซึ่งหลังจากที่บริษัทจีนมาลงทุนตั้งบริษัทผลิตแผงโซลาร์เซลล์ที่ไทย ก็มีการนำเข้าแผนซิลิคอนจากจีน

เมื่อปีที่แล้วนำเข้าสูงถึง 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน ไทยก็ได้ส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศจีนเองก็เปิดกว้างที่จะต้อนรับสินค้าส่งออกของไทย และยินดีที่จะช่วยเหลือสนับสนุนไทยในการส่งออกไปจีนให้มากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะสินค้าเกษตรส่งออก ร้อยละ 42 ก็ส่งออกไปประเทศจีน ถ้ามองสินค้าบริการด้วยแล้ว จะพบว่านักท่องเที่ยวจีนมาจับจ่ายใช้สอยที่เมืองไทยเป็นมูลค่าราว 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ความหมายของผมคือ ไม่ได้พูดว่า ไทยได้เปรียบจีน แต่อยากจะสื่อให้เห็นว่าความร่วมมือทางการค้าเป็นการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน และเราต้องช่วยกันทำให้ผลประโยชน์ส่วนนี้ขยายตัวมากยิ่งขึ้น ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นบางประเด็นก็ให้ความสำคัญและช่วยกันแก้ไขต่อไป” นายหาน กล่าว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 กันยายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...