กกพ. คงค่าไฟก.ย.-ธ.ค.2567 ที่ 4.18 บาท เบื้องต้นจ่ายคืนหนี้ต้นทุนเชื้อเพลิง กฟผ. 3,200 ล้าน เหลือหนี้ค้างกฟผ. 95,000 ล้าน และหนี้คงค้างส่วนต่างราคาก๊าซที่เกิดขึ้นจริงและราคาก๊าซที่เรียกเก็บ (AF Gas) ที่ยังไม่ได้ชำระคืนให้ ปตท. 15,000 ล้าน รวมหนี้คงค้าง ประมาณ 1.15 แสนล้าน
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.มีมติตรึงอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั่วประเทศที่เรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) งวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 2567 อยู่ที่ระดับ 4.18 บาท/หน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ยังคงเรียกเก็บในอัตรา 3.99 บาท/หน่วยตามเดิม
โดยเบื้องต้นมีกำหนดชำระคืนหนี้ต้นทุนเชื้อเพลิงให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ส่วนหนึ่งประมาณ 3,200 ล้านบาท ยังเหลือหนี้คงค้างที่ต้องทยอยชำระต่อไปอีกประมาณ 95,000 ล้านบาท และหนี้คงค้างส่วนต่างราคาก๊าซที่เกิดขึ้นจริงและราคาก๊าซที่เรียกเก็บ (AF Gas) ที่ยังไม่ได้ชำระคืนให้บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ประมาณ 15,000 ล้านบาท รวมหนี้คงค้าง ประมาณ 1.15 แสนล้านบาท
ในส่วนของค่าไฟฟ้างวดถัดไปเดือนม.ค.-เม.ย.2568 จะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติตลาดโลก ซึ่งหวังว่าเมื่อผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวในต่างประเทศแล้ว ความต้องการใช้ก๊าซก็น่าจะมีแนวโน้มลดลง ทำให้สถานการณ์ราคาก๊าซตลาดโลกที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ามีโอกาสอ่อนตัวลง จากปลายปีนี้ที่ราคาก๊าซจะอยู่ที่ประมาณ 13 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ซึ่งทาง กกพ. ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดและคาดว่าจะอยู่ในวิสัยที่ดูแลได้ แต่ก็ต้องติดตามปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิดด้วย
”ถามว่าเราจะยืนอัตราค่าไฟอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย ได้ตลอดทั้งปี 2568 หรือไม่ ถือเป็นตัวเลขที่ดี เพราะส่วนตัวก็อยากให้เป็นแบบนั้น และหากมีราคาก๊าซที่ถูกลง ก็อาจจะเห็นแนวโน้มค่าไฟที่สามารถยืนระดับค่าไฟอยู่ในระดับ 4.18 บาท/หน่วยหรือลดลงได้ แต่การพิจารณาต้องดูปัจจัยต่างๆ ประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะความเหมาะสมในการชำระหนี้คืนให้ กฟผ. และปตท. ซึ่งยอมรับว่า กฟผ.ช่วยแบกรับภาระส่วนนี้ให้กับประชาชนไว้ระดับหนึ่งแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ กฟผ. ด้วย"