นายสุวัฒน์ เจียระคงมั่น รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยภายหลังสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่(นาแปลงใหญ่) ปี 2561 ว่าสำหรับโครงการระบบส่งเสริม การเกษตรแบบแปลงใหญ่(นาแปลงใหญ่) ปี 2561 เป็นโครงการตามนโยบายที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้การสนับสนุนชาวนามีการรวมกลุ่มมีการบริหารจัดการร่วมกันในการผลิตและจำหน่ายโดยมีตลาดรองรับที่ชัดเจน อีกทั้งยังสามารถให้ชาวนาลดต้นทุนการผลิตเพิ่มศักยภาพการผลิตทำให้ผลผลิตได้มาตรฐาน ซึ่งการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินงานทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มีเป้าหมายดำเนินงานใน 71 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 2,350 กลุ่มได้แก่
กลุ่มดำเนินการต่อเนื่อง จำนวน 1,172 กลุ่ม และกลุ่มใหม่ จำนวน 1,178 กลุ่ม มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนให้ได้ไม่น้อยกว่า 1,000 บาทต่อตัน และเพิ่มผลผลิตในข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวเป็น 420 กิโลกรัมต่อไร่ ในข้าวหอมปทุมธานีและข้าวไม่ไวแสงเป็น 720 กิโลกรัมต่อไร่ มีการบริหารจัดการด้านการตลาดและการบริหารจัดการของชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน โดยมีกิจกรรมในการดำเนินงานที่มีการบูรณาการร่วมกับอีก 7 หน่วยงาน ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)
นายสุวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ด้านข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการดำเนินงานโครงการระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2564 มี เป้าหมายจำนวน 18,800 แปลง พื้นที่ 19 ล้านไร่ ซึ่งทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของไทยได้กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด โดยในปี 2561 มี เป้าหมายดำเนินการจำนวน 2,350 แปลง โดยเป็นการดำเนินการแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก กระทรวงเกษตรฯ นอกจากนี้ยังมีการต่อยอด การดำเนินงานแปลงใหญ่ในรูปแบบโครงการต่างๆ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ โครงการนำร่องการบริหารจัดการนาโดยใช้เทคโนโลยีเกษตรกรรม โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวเพื่อสุขภาพ : พันธุ์ กข 43 และโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร เป็นต้น