ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
หวั่นเกษตรไทยแย่สวนทาง AEC รัฐอุดหนุน-ต้นทุนพุ่งแข่งลำบาก
15 ก.พ. 2561

ทั้งนี้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ (TDRI) ได้จัดสัมมนาแนวทางการปรับตัวของภาคเกษตรเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ขึ้นมาเร็วๆ นี้ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ TDRI

  • ขีดความสามารถเกษตรไทยลด

โดย นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ TDRI ได้เปิดเผยถึงผลศึกษาแนวทางการปรับตัวของภาคเกษตรเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนว่า การเปิดเสรีการค้าตามเออีซี ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรไทยต่ำ แต่ละประเทศต่างปกป้องภาคเกษตรของตนเอง รวมทั้งไทยเองในเรื่องความสามารถในการแข่งขันถูกกำหนดโดยเงื่อนไขของแต่ละประเทศ เช่น ทรัพยากร นโยบายรัฐ เทคโนโลยี และความสามารถของเกษตรกร ดังนั้นภาคเกษตรไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรไทยกำลังลดลงจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งแรงงาน ที่ดินโลจิสติกส์ และต้นตอความสามารถในการแข่งขันที่ไทยเคยมีและเคยได้เปรียบกำลังถูกเพื่อนบ้านตามทันโดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจหลัก พบว่าคู่แข่งหันมาใช้การค้าเสรี ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเกษตรและการวิจัย

ขณะที่ไทยหันมาใช้นโยบายอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรมากขึ้น ทำให้เกษตรกรไม่ปรับตัว โดยเฉพาะด้านบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับพื้นที่ควรปลูกพืชใช้น้ำให้คุ้ม แต่เวลานี้ใช้น้ำสิ้นเปลืองมาก เกษตรกรต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาเพื่อให้เห็นคุณค่าของน้ำ โดยจัดสรรน้ำที่เป็นธรรม จะทำให้เริ่มเกิดการปรับตัว ปลูกข้าวน้อยลงไปสู่การปลูกพืชรายได้สูงกว่าเพราะราคาข้าวตกต่ำแก้ไม่ได้

  • แนะปฏิรูปภาคเกษตร-SMEs

 นายนิพนธ์กล่าวว่า จีนสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการทำธุรกิจกับเกษตรกรในพื้นที่โดยตรง ซึ่งประสบความสำเร็จ เพราะที่ดินในจีนเป็นของรัฐ แต่ไทยเป็นที่ดินของเกษตรกรเอง ดังนั้น การอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเอสเอ็มอีของรัฐต้องมองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการนำโมเดลในจีนมาใช้รัฐต้องมองบริบทควบคู่ด้วย โดยเริ่มต้นจากหลักการเชื่อมโยงทั้งห่วงโซ่ให้สมดุล

“นอกจากนี้ ภาครัฐต้องไม่คิดเรื่องราคาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าคิดเช่นนั้นจะกลายเป็นพืชการเมือง แก้ไม่จบ เอาเงินทุ่มไปแล้วท้ายที่สุดคนที่ได้รับเงินช่วยเหลือก็อยากได้ จะโทษชาวบ้านไม่ได้ เพราะการช่วยนั้นต้องช่วยให้ลืมตาอ้าปาก ช่วยให้มีเบ็ดตกปลาไม่ใช่ส่งปลาไปให้”

ขณะที่การปฏิรูปภาคเกษตรหลักการควรปรับเปลี่ยน อีกประการคือต้องใช้ “นวัตกรรมวิทยาศาสตร์” เข้ามาบริหารจัดการทรัพยากร เช่น สมัยก่อนไทยเป็นผู้ส่งออกกุ้งกุลาดำอันดับหนึ่ง แต่เวลานี้เสียตำแหน่งไปแล้ว ดังนั้น ไทยต้องมีการวิจัยพัฒนาในเรื่องสายพันธุ์

นายนิพนธ์ เปิดเผยต่อว่า การทำเกษตรย่อมมีความเสี่ยง หากพยากรณ์ผิดพลาดผลผลิตเสียหาย ภาครัฐจึงลงทุนสร้างฐานให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะ 1.เรื่องการคาดการณ์แต่ละฤดูให้ทันท่วงทีสู่เกษตรกร 2.เมื่อสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนต้องปรับปรุงพันธุ์พืช ดังนั้น งานวิจัยเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจึงสำคัญ รัฐบาลต้องทุ่มงานวิจัยสิ่งนี้

“หน่วยงานราชการต้องอัพเดตข้อมูล (Data) ตลอดเวลา พืชผลเกษตรที่ไหนมีราคาเท่าไร มีความเสี่ยงด้านอากาศอย่างไรที่จะส่งผลต่อการเลี้ยงเพื่อส่งสารไปถึงตัวเกษตรกร โดยเฉพาะแนวโน้มการตลาดต้องคาดคะเนได้ เพราะอาชีพเกษตรกรต้องเผชิญกับความเสี่ยงผลผลิต ทั้งการตลาด อากาศ ดังนั้นเรื่องข้อมูลจึงสำคัญมากที่สุดในภาคเกษตร แต่รัฐยังไม่เห็นความสำคัญเท่าที่ควร

เพราะฉะนั้นแล้ว การเปิดเออีซีมีเรื่องสำคัญ และข้อดี เต็มไปหมดมีเสาหลักทุกตลาด เปิดเสรีมากขึ้น เป็นข้อเท็จจริง แต่ประเมินผลจริงน้อย เช่น นักลงทุนมาลงทุนไทยไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางนี้เลย เพราะไทยมีการส่งเสริมการลงทุน ประเทศอื่นก็มีเช่นกัน ตกลงกันเรื่องมาตรการที่ไม่ใช่ข้อกีดกันทางการค้าไว้แต่ข้อเท็จจริงกลับเพิ่มเงื่อนไข แต่ละประเทศมีนโยบายของตัวเองแต่ปรากฏว่า เมื่อก่อนความสามารถการเเข่งขันสินค้าเกษตรอาเซียนไทยเก่งมากแต่ตอนนี้กลับถดถอยลง โดยไม่เกิดจากข้อตกลงใด ๆ ของเออีซี เกิดจากการค้าซึ่งเวลานี้ไทยสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ สมัยก่อนไทยเก่งหลายปัจจัยทั้งขนาดโรงงานต้นทุนต่ำ กระจุกตัวราคาปัจจัยผลิตสูงกว่าเพื่อนบ้าน คู่เเข่งลงทุนวิจัย ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะวิจัย แต่ตอนนี้ประเทศเพื่อนบ้านไล่ตามทันแล้ว ขณะที่ไทยใช้ทางออกด้วยการดึงนวัตกรรมมาใช้ แต่รัฐบาลต้องกระตุ้นจริงจัง เวลานี้เราเริ่มเห็นว่าถดถอยลง

“ไทยมีทรัพยากรมีที่ดินต่อหัวมากกว่าเพื่อนบ้าน ขณะที่ไทยเฉลี่ยปลูกทำนา 20 ไร่/ครัวเรือน แต่เวียดนามไม่ถึงไร่เนื่องจากที่ดินน้อยเเละมีภูเขาจำนวนมาก ดังนั้น เวียดนามต้องใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่า และมีโรงงานมากสามารถควบคุมศัตรูพืชได้เอง ขณะที่ไทยใช้สารเคมี ดังนั้น 70% เขามีพื้นที่ชลประทาน แต่ไทยมี 20% ผลผลิตต่อไร่สูง แต่ผลผลิตต่ำเพราะใช้แรงงาน ไทยมีที่ดินมาก แต่น้ำน้อยผลผลิตต่อไร่ ต่ำแต่ใช้เทคนิค”

  • เวียดนามแซงไทย

ทางด้าน ดร.เชษฐา อินทรวิทักษ์ นักวิชาการทีดีอาร์ไอ กล่าวเสริมว่า แม้ว่าการลงทุนของไทยในอาเซียนขณะนี้มีมากขึ้นแต่การเปิดการค้าเสรีอาเซียนไม่ได้ส่งผลต่อภาคเกษตรไทยทั้งมาตรการลดภาษีตามข้อตกลงภูมิภาค (ATIGA) และการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTMN) เนื่องจากมีมานาน แต่กลับไม่มีกลไกบังคับ ไทยต้องพัฒนารายสินค้าโดยให้ความสำคัญกับฐานข้อมูล ประเทศเวียดนามในฐานะคู่แข่งสินค้าเกษตรไทยขณะนี้จุดเด่นคือมีแนวทางชัดเจน และ commitment จากภาครัฐและการปรับตัวที่รวดเร็วของเกษตรกร การให้ความสำคัญ R&D เพื่อพัฒนา เพิ่มมูลค่า

อย่างไรก็ดี นายฉันทานนท์ วรรณเขจร รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ข้อควรระวังสำหรับภาคการเกษตรไทยจากการเป็นประชาคมอาเซียน คือวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ค่าแรงสูงแรงงานเกษตรขาดเเคลน ขาดทักษะ คุณภาพมาตรฐานสินค้านำเข้าต่ำจึงทำให้เกิดการเเข่งขันเรื่องต้นทุนมาก และการแข่งขันการค้าไปนอกอาเซียนจะมากขึ้นเกิดสภาพการเเข่งขันสูงเพราะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา แต่ข้อได้เปรียบและจุดแข็งของไทยยังคงเป็นภาพลักษณ์สินค้าเกษตรดี ภาคเอกชนมีประสบการณ์สูงและเป็น hub โลจิสติกส์

 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...