นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เปิดเผยว่า สนข.มีแผนพัฒนาโครงการรถไฟชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง ซึ่งเป็นรถไฟรางเดี่ยว มีระยะทาง 108 กม. วงเงิน 45,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเปิดใช้ปี 2568 คาดการณ์ว่าปริมาณการขนส่งสินค้าจะมีปริมาณสินค้านำเข้า-ส่งออกราว 33,116 T.E.U.ต่อปี และจะเพิ่มเป็น 85,502 T.E.U.ต่อปี คิดเป็นปริมาณการเติบโตประมาณ 158% หรือคิดเป็น 53% ต่อระยะเวลา 10 ปี โดยแบ่งเป็นสินค้านำเข้าทั่วไปเช่น เหล็ก สินค้าเกษตร สินค้าบริโภค สินค้ากลุ่มก่อสร้างและสินค้าอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ แผนศึกษาความเหมาะสมในการก่อสร้างเส้นทางระบบรางในพื้นที่ภาคใต้เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งสินค้าโดยเฉพาะการเชื่อมโยงพื้นที่ฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
โดยก่อนหน้านี้ สนข. จัดประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นประชาชน ใน 2 จังหวัด ที่ จ.ชุมพร และ ระนอง แล้วจากนั้นที่ปรึกษาส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ให้ สนข. คาดว่าประมาณภายในปลายเดือน กุมภาพันธ์2561 ก่อนที่ สนข. นำเสนอให้กระทรวงคมนาคมทราบ เพื่อมอบให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไปศึกษารายละเอียดโครงการและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อกำหนดพื้นที่เวนคืนรวมถึงดำเนินการก่อสร้าง ต่อไป
สำหรับโครงการเส้นทางรถไฟดังกล่าวเบื้องต้นมี 9 สถานี ได้แก่ สถานีขุนกระทิง สถานีบ้านนา สถานี วังใหม่ สถานีปากจั่น สถานีกระบุรี สถานีบางใหญ่ สถานีละอุ่น สถานีท่าเรือระนอง และจากสถานีท่าเรือระนอง จะมีเส้นทางแยก เข้าสู่เมืองระนอง โดยสิ้นสุดที่สถานีระนอง ระยะทางประมาณ 5 กม.
ด้านนายชัยสิทธิ์ พานิชพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า การขนส่งสินค้าและผู้โดยสารทางรถไฟเป็นการขนส่งที่ปลอดภัยและคุ้มทุนสูงสุดรองจากการขนส่งทางเรือ และจากนโยบายของภาครัฐ ส่งเสริมพัฒนาคมนาคมทางรางจึงมีการเริ่มต้นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพรขึ้น รวมถึงในปีนี้ก็คาดว่างานขยายทางหลวง 4 ช่องจราจรเชื่อมชุมพร-ระนองจะแล้วเสร็จเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองตามนโยบายรัฐบาล และมองว่าในส่วนของการพัฒนาโครงการดังกล่าวจะทำให้ชุมพรเป็นจังหวัดจุดศูนย์กลางของการคมนาคมได้ในอนาคต รองจากสุราษฎร์ธานี เนื่องจากชุมพรมีการแปรรูปสินค้าเกษตรและสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ที่ทำให้ประชาชนและเส้นทางรถไฟดังกล่าวเป็นจุดจูงใจให้นักท่องเที่ยว นักเดินทาง การค้าขาย ขยายธุรกิจและมั่นใจบริการภาครัฐ