สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใต้การอำนวยการของ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมด้วย นายณัฐวุฒ ขมประเสริฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 3
ได้มอบหมายให้งานสืบสวนคดีทุจริต ภาค 3 สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3 จับกุม นางวาสนา (ขอสงวนนามสกุล) หรือ น.ส.พิมพ์พิชชา อดีตรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 คดียักยอกเงินออกจากคลัง อบต. รวมมูลค่าที่รัฐเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด น.ส.พิมพ์พิชชา และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่งผลให้ น.ส.พิมพ์พิชชา ไหวตัว และมีพฤติการณ์หลบหนี
โดยใช้วิธีการนำบัตรประชาชน และเอกสารหลักฐานแสดงตัวตนของพี่สะใภ้ มาอำพรางตนเอง ก่อนจะไปสมัครทำงาน "หนีซุกปีก" ทนายความคนดังรายหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นทำหน้าที่เป็นเสมียนทนายและเลขาคนสนิท
ในช่วงเวลา 07.00 น. เป็นเหตุบังเอิญที่ทนายความคนดังรายนี้รับว่าความทำคดีให้กับผู้ถูกกล่าวหารายหนึ่งในเขตจังหวัดนครราชสีมา จึงมีความจำเป็นที่ทนายความคนดัง พร้อมเลขาคนสนิทรายดังกล่าว ต้องเดินทางมายัง สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3
เจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 ได้ดำเนินการแกะรอยและตรวจสอบข้อเท็จจริง จนกระทั่งยืนยันแล้วว่า เลขาคนสนิทรายดังกล่าวนี้ คือ น.ส.พิมพ์พิชชา บุคคลตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 จริง แม้น.ส.พิมพ์พิชชาจะทำทรงผม แต่งหน้าให้มีลักษณะเหมือนพี่สะใภ้ และอ้างตนว่าเป็นพี่สะใภ้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 จึงวางแผนเข้าจับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าว ซึ่งตอนแรก น.ส.พิมพ์พิชชา ให้การปฏิเสธว่าตนไม่ใช่บุคคลตามหมายจับ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ก็ได้พูดคุยอธิบาย จนกระทั่งผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าวให้การยอมรับว่าตน คือ บุคคลตามหมายจับ
ในช่วงเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 จึงได้นำตัว น.ส.พิมพ์พิชชา ไปทำบันทึกการจับกุมที่สภ.เมืองนครราชสีมา ก่อนจะนำตัวส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป