ชัยภูมิวันนี้(8ส.ค.67)พื้นที่ จ.ชัยภูมิ บรรยากาศหาเสียงเลือกตั้งซ่อมชิงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ( นายก อบจ.ชัยภูมิ ) ถึงโค้งสุดท้ายเข้ามาแล้วหลังจากที่ผ่านมาบรรยากาศเงียบเหงาไม่คึกคักเท่าที่ควรซึ่งเหลือเวลาเพียง 3 วันจากนี้ไป ที่จะถึงวันลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 11 ส.ค.67 ที่จะถึงนี้ หลังนายอร่าม โล่ห์วีระ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ( นายก อบจ.ชัยภูมิ ) คนปัจจุบัน ที่ดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.มาตั้งแต่ช่วงปี 2563 ได้มีการยื่นหนังสือชิงลาออกจากตำแหน่ง ก่อนจะครบวาระการดำรงตำแหน่งที่เหลืออีก 180 วัน ทำให้ตำแหน่ง นายก อบจ.ชัยภูมิ ว่างลงมาตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา กกต.ชัยภูมิ จัดการเลือกตั้งใหม่ ได้จัดการรับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 8-11 ก.ค.67ที่ผ่านมา จัดการเลือกตั้งวันที่ 11 ส.ค.67นี้ มีผู้สมัครชิงตำแหน่ง นายก อบจ.ชัยภูมิ ที่ว่างลงครั้งนี้ รวม 5 คน ประกอบด้วย หมายเลข 1 นางสาวสุรีวรรณ นาคาศัย ( ปุ้ย) อายุ 41 ปี หมายเลข 2 นางสาวจารุวรรณ จังหวะ ( ตั้ก) อายุ 41 ปี หมายเลข 3 นายอร่าม โล่ห์วีระ อายุ 74 ปี อดีต นายก อบจ.ชัยภูมิ ที่ลาออกก่อนครบวาระในครั้งนี้ หมายเลข 4 ว่าที่ร้อยตรี พสิษฐ์ คำชัย อายุ 56 ปี และหมายเลข 5 นายวรวุฒิ ประภามณฑล อายุ 54 ปี
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งนายก อบจ.ชัยภูมิ วันที่ 11 ส.ค.67นี้ ผู้สมัครว่าที่นายก อบจ.ชัยภูมิ ตัวเต็ง ต่างงัดกลยุทธหาเสียง แนะนำตัว ขอคะแนนจากประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้ง 16 อำเภอ กันอย่างคึกคัก ทั้งใช้ติดป้ายแนะนำนำตัว ใช้รถติดเครื่องเสียงแห่หาเสียงไปทุกหมู่บ้าน ทุกพื้นที่ แต่เนื่องจากพื้นที่จังหวัดกว้างผู้สมัครไม่สามารถพบชาวบ้านได้ทั่วถึงจึงมีการจัดตั้งแกนให้ครบทุกหมู่บ้านเพื่อชิงความได้เปรียบในการแนะนำให้รู้จักกับผู้สมัครที่น่าจับตามองผู้สมัคร ว่าที่ อบจ.ชัยภูมิ ตัวเต็ง แข่งกันค่อนข้างข้นเดือดระอุ จาก 2 สายพรรคการเมืองระดับชาติ จากพรรคภูมิใจไทย หรือ ภท.ส่งนางสาวสุรีวรรณ นาคาศัย ( ปุ้ย) อายุ 41 ปี ได้หมายเลข 1 ซึ่งเป็นภรรยา นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย(ภท.) เขต 3 จ.ชัยภูมิ ซึ่งเธอยังมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา นายอนุทิน ชาญวีรกูล(หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะที่ผู้สมัครหมายเลข 2 นางสาวจารุวรรณ จังหวะ ( ตั้ก) อายุ 41 ปี ซึ่งก็ยังเคยเป็นอดีต ส.อบจ.ชัยภูมิ และยังเป็นพี่สาวของ นางสาวกาญจนา จังหวะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เขต 4 จ.ชัยภูมิ อีกด้วย ส่วนผู้สมัครหมาย 3 นายอร่าม โล่ห์วีระ อายุ 74 ปี อดีต นายก อบจ.ชัยภูมิ ที่ลาออกก่อนครบวาระในครั้งนี้ ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.รุ่นเก๋าหลายสมัย เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อช่วงปี 2539-2540 และปัจจุบันยังมีลูกชายคือ นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 7 ของ จ.ชัยภูมิ อีกคนที่ให้การสนับสนุนในการสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้เพื่อให้พ่อตนเองได้กลับมาครองตำแหน่ง นายก อบจ.ชัยภูมิ อีกสมัยให้ได้ ซึ่งมีสายสัมพันธ์เหนียวแน่นกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาฯพรรค พปชร.ในปัจจุบันอีกด้วย กลับปล่อยให้สายผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ส่งคนแข่งขันแตกคอกันเอง แทนที่จะจับมือช่วยกันหนุนฐานเสียงสู้คู่แข่งในครั้งนี้
โดยผู้สมัครหมายเลข 1 นางสาวสุรีวรรณ นาคาศัย ( ปุ้ย) อายุ 41 ปี ไม่จัดเวทีปราศรัยใหญ่ แต่จะเน้นการเดินพบปะกับประชาชนตามหมู่บ้าน ชุมชนต่างๆ และปราศรัยย่อยตามศาลาวัด ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทั้ง 16 อำเภอ ได้ชูนโยบายหลักพร้อมจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับชาวชัยภูมิ ทั้งการปรับปรุงถนน ที่ปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.ชัยภูมิ กว่า 130 เส้น/สาย ที่เกิดความชำรุด ต้องมีการเข้าไปช่วยซ่อมบำรุง หรือสามารถก่อสร้างใหม่แทนได้ ในช่วงเวลา 4 ปี เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพปลอดภัยกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ประชาชนในทุกพื้นที่ ต้องมีคุณภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สถานศึกษาที่อยู่ในการดูแลของ อบจ.ต้องทำให้มีคุณภาพในการเข้าไปดูแลลูกหลานของชาวชัยภูมิ ให้มากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ส่งเสริมการเกษตร การท่องเที่ยว ให้แต่ละชุมชนได้มีรายได้มีการช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในแต่ละพื้นที่ชุมชนให้ได้มากขึ้น ที่จะถือเป็นแนวทางนโยบายหลักเร่งด่วนหากได้เข้าไปเป็น นายก อบจ.ชัยภูมิ ซึ่งมีสโลแกน"ปุ้ยทำได้และทำได้จริง" ซึ่งด้วยความเสียเปรียบในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีการการลาออกก่อนครบวาระ ที่คิดว่าจะมีเวลาลงพื้นที่ได้กว่า 6 เดือน แต่เมื่อมีการลาออกก่อนครบวาระและต้องจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลงภายในเวลาไม่เกิน 45-60 วันเท่านั้น ซึ่งจะทำให้การลงพื้นที่พบกับประชาชนในทุกหมู่บ้านคนไม่ทั่วถึง แต่จะพยายามลงพื้นที่พบประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ ให้มากที่สุด .....เสียง......
ในส่วนผู้สมัครหมายเลข 2 นางสาวจารุวรรณ จังหวะ ( ตั้ก) อายุ 41 ปี จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ มีประชาชนในพื้นที่ออกมาฟังการปราศรัยครั้งนี้กันจำนวนมากกว่า2พันคนอย่างคึกคัก ได้ชูนโยบายขอคะแนนเสียงจากชาวบ้าน อ้อนขอคะแนนเสียงจากประชาชนว่า นโยบายที่สำคัญของตนเองคือนโยบายที่มาจากประชาชนต้องการให้ทำเป็นหลัก ตามสโลแกนตัวเอง”อีหล่า ลูกพ่อแล พร้อมพัฒนาชัยภูมิ นายของเรา คือประชาชน บอกตนเองก็เป็นลูกหลานชาวชัยภูมิ ชาวอำเภอหนองบัวแดง ขอให้ตนเองเป็นทางเลือกใหม่ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความพร้อมในการเสนอตัวเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองชัยภูมิให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าเรื่องถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำ และพร้อมรับฟังปัญหาที่จะนำมาแก้ไขให้ชาวชัยภูมิ ได้ทุกเรื่องในส่วนความรับผิดชอบของ อบจ.ชัยภูมิ
ขณะที่หมายเลข 3 นายอร่าม โล่ห์วีระ อายุ 74 ปี อดีต นายก อบจ.ชัยภูมิ ที่ลาออกก่อนครบวาระในครั้งนี้ ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียง ที่สนามกีฬากลาง จ.ชัยภูมิ วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ประกาศนโยบายหาเสียง หวังรักษาแชมป์เก่าให้ได้อีกสมัยที่ 2 เป็นสมัยสุดท้ายขงชีวิตตนเอง บอกที่ผ่านมาตนเอง ได้ตั้งใจทำงานทางการเมืองในระดับชาติมายาวนานจนปัจจุบันอายุกว่า 74 ปี ตนเองมีความมุ่งมั่นที่จะกลับเข้ามาสานงานต่อในสมัยที่ตนเองเป็นนายก อบจ.ชัยภูมิ มาแล้ว โดยมีสโลแกน"ทุกลมหายใจคือชาวชัยภูมิ อร่ามของแทร่" พร้อมจะสานงานต่อจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของ ร.อ.ธรรมนัสฯ รมว.เกษตรฯ ในการที่ อบจ.ชัยภูมิ ที่จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาแหล่งน้ำต่างๆในทุกพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัดชัยภูมิ ไม่ว่าทั้งบึงละหาน ลำน้ำพรม น้ำชี และอื่นๆ ทั้งกรณีปัญหาเดิมที่มีการสร้างเขื่อนโปร่งขุนเพชร ที่มีปัญหาเรื่องการเวณคืนที่ดิน ที่ไปกระทบกับคนในพื้นที่ ก็จะต้องมีการดูแลช่วยเหลือเยียวยา และหากเขื่อนโปร่งขุนเพชรดำเนินการสร้างก็จะสามารถมาช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ รวมถึงการเข้ามาผลักดันแก้ปัญหาน้ำในทุกพื้นที่ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนตามมาได้ที่จะทำให้ ประชาชนชาวชัยภูมิ จะมีระบบชลประทานที่ดีขึ้นในอนาคตได้
ทำให้ยิ่งใกล้เลือกตั้งชิง นายก อบจ.ชัยภูมิคนใหม่ครั้งนี้ 11 ส.ค,67 เป็นที่น่าจับตา”ศึกล้มช้าง” ได้เดือดระอุขึ้นมาทันทีในโค้งสุดท้ายนี้แล้ว ประชาชนผู้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั้ง 16 อำเภอ 124 ตำบล 1,620 หมู่บ้าน 27 ชุมชน กว่า 900,000 คน จะเป็นคนชี้ชะตา
อธิวัฒน์ เตียเจริญภักดี
จังหวัดชัยภูมิรายงาน