พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม. โดยสั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่รับผิดชอบงานสืบสวน เน้นลงพื้นที่ X-RAY ตรวจสอบป้องกันปราบปราม การกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง
บก.ตม.1 โดย พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนและเบาะแสจากประชาชน ทั้งช่องทางการร้องเรียนหลักและทางสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการลักลอบทำงานของคนต่างด้าวโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน การทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะกระทำได้ หรือในลักษณะแย่งอาชีพสงวนของคนไทย จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.ฯ นำชุดปฏิบัติลงพื้นที่ตลาดและร้านขายอาหารริมทางเท้า ย่านลาซาล
ซึ่งในช่วงบ่ายของวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ผลการตรวจสอบพบว่ามีหลายร้านเป็นคนไทย หรือ มีการจ้างแรงงานที่มีเอกสารประจำตัวและใบอนุญาตทำงานถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบร้านจำหน่ายอาหารบางร้านในย่านดังกล่าว ยังพบว่ามีแรงงานสัญชาติลาว ลักลอบทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ทั้งในลักษณะเปิดร้านเอง และเป็นลูกจ้าง รวมทั้งหมด 5 ราย เป็นหญิง 4 ราย และ ชาย 1 ราย ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มผู้ต้องหาชาวลาวทั้ง 5 คนว่า“เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะกระทำได้”
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาคนหนึ่งไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทาง หรือเอกสารประจำตัวได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” อีกข้อหาหนึ่ง และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนจะผลักดันกลับประเทศต้นทางในขั้นตอนต่อไป
พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.ฯ ได้กล่าวว่า ฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนผ่านผู้สื่อข่าวว่า ”บุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักร นอกจากจะต้องเข้ามาตามช่องทางอนุญาต ตามกฎหมายและได้รับการตรวจลงตราโดยถูกต้องแล้ว หากประสงค์จะทำงานในประเทศไทยจะต้องดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 มีโทษปรับสูงสุดถึง 100,000 บาท ในส่วนของเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองเคหสถานยังมีหน้าที่ในการแจ้งต่อ สตม. เมื่อมีบุคคลต่างด้าวเข้ามาพักอาศัยในสถานที่ที่อยู่ในความดูแลของตนอีกด้วย“
สตม.จะมีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขันและปราบปรามคนต่างด้าว ที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งนี้หากผู้ใดให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือ ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้ผู้กระทำความผิดพ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จะมีความผิดตามมาตรา 64 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือ ติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ หมายเลข 1178
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน