จับตาฉากทัศน์ใหม่ทีวีดิจิทัลหลังสิ้นสุดใบอนุญาตปี 72 ‘ประธานกสทช.’ รับให้คาดการ์เทคโนโลยีทำได้ยาก เพราะถูกดิสรัปชั่นตลอด รับต้องประสานการทำงานร่วมกับสมาคมฯหาทางออก ก่อนผู้ประกอบการทีวีไทยล้มหายตายจาก ลั่นต้องถกรัฐบาลหาช่องแก้กฎหมาย-ยกเลิกประมูลใบอนุญาตทีวี
นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ที่อยากได้ความชัดเจนจากกสทช.ก่อนจะสิ้นสุดใบอนุญาตในการออกอากาศปี 2572 ยอมรับว่า เป็นสิ่งที่เหนือการคาดเดาเพราะอีก 4 ปี มองว่าเทคโนโลยีการรับชมเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ในทุกๆปีอุตสาหกรรมโทรทัศน์ถูกดิสรัปชั่นจากบริการ Over The Top (OTT) โดยเฉพาะยูทูป และการสตรีมมิง อีกทั้ง ยังมีการรับชมผ่าน IPTV
อย่างไรก็ดี การกำกับดูแลของกสทช.จะต้องพิจารณาบริบทของเทคโนโลยีว่าจะมีกฎหมายใดเข้าไปควบคุมหรือไม่ ไม่ปล่อยให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 15 ช่องที่เหลือเวลาอายุสัมปทาน 4 ปี 8 เดือนได้รับผลกระทบให้มากที่สุด ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่กสทช.จะร่วมกับสมาคมฯเข้าไปหารือกับรัฐบาลในการหาทางออกในเรื่องดังกล่าว เพราะผู้ประกอบก็ได้รับผลกระทบอย่างมากทั้งแง่รายได้และยอดคนดูที่หายไปรับชมผ่านแพลตฟอร์มอื่น
“ถามความชัดเจนตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ อีก 2 ปีมาถามก็ยังเร็วไป เพราะตอนที่มีการประมูลใบอนุญาตทุกคนก็คาดหวังที่จะสร้างกำไรมหาศาลแต่พอผ่านไปเพียง 1 ปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ดังนั้น เมื่อถามว่ายุติธรรมหรือไม่คนที่ไม่มีต้นทุนอะไรเลย กลับมีรายได้มีคนดู มันก็ไม่แฟร์อยู่แล้ว สิ่งที่กสทช.ทำได้คือดูว่ากฎหมายที่เรามีในมือ จะเข้ากำกับดูแลอะไรได้บ้าง”
ประธานบอร์ดกสทช.เสริมว่า นอกจากนี้ข้อเรียกร้องของสมาคมทีวีดิจิตอลฯ ที่อยากจะใช้คลื่นความ 3500 เมกะเฮิรตซ์ต่อไม่ต้องการให้สำนักงาน กสทช.นำไปใช้ในกิจการโทรคมนาคมสำหรับอุตสาหกรรมดาวเทียม ก็ต้องมีการพูดคุยทำงานร่วมกันว่าจะจัดสรรความถี่สล็อตนี้อย่างไร ส่วนการแก้กฎหมายพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรฯ พ.ศ. 2553 ที่ยกเลิกการประมูลใบอนุญาตก็ต้องมีการแก้กฎหมายเพราะกิจการที่ใช้คลื่นความถี่มีการระบุว่าเป็นสมบัติของชาติต้องประมูลเท่านั้น จึงเป็นข้อจำกัดตรงนี้ ดังนั้น กสทช.ก็ต้องมาดูว่า การแก้กฎหมายจะเปลี่ยนเป็นจัดสรรโดยวิธีการอื่นได้ไหม
นางสาวพิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในช่วงเปลี่ยนผ่าน (ออนไลน์ ไมเกรชั่น) สู่การกำหนดแนวทางทีวีดิจิทัลหลังปี 2572 ภายใต้โครงการศึกษาฉากทัศน์กิจการแพร่ภาพกระจายเสียงฯ หลังสิ้นสุดใบอนุญาต ในปี 2572 เพื่อประกอบการวางแนวทางและนโยบายรองรับกิจการโทรทัศน์ในอนาคตนั้น กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
โดยขณะนี้ กสทช. ได้ริเริ่มและเป็นตัวกลาง ในการเปิดเวทีหารือเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของต้นแบบ "แพลตฟอร์มสตรีมมิงแห่งชาติ" ที่จะบูรณาการเนื้อหาจาก "ช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดิน โฆษณา และ ข้อมูลผู้บริโภค" ให้อยู่ในระบบเดียวกัน และบริหารจัดการบริการเสริมที่วิ่งบนโครงข่าย (Over the top : โอทีที) ที่ถือเป็น แพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาเป็นช่องทางในการเผยแพร่เนื้อหาสำคัญและกำลังได้รับความนิยม
ฉากทัศน์ที่ 1 : ทีวีไทยล่มสลายรัฐไม่แทรกแซง ไม่มีมาตรการใดๆ กิจการ Broadcast เดิม กับ OTT ยังคงกำกับดูแลต่างกัน แพลตฟอร์มระดับโลก (GAFAM) ยึดครอง ผู้บริโภคหันไปดูทีวีผ่าน OTT แทน ผู้ให้บริการ TV ดั้งเดิมสูญเสียรายได้ค่าโฆษณาจนต้องปิดตัวลงคนจน คนแก่ เสียสิทธิ เข้าถึงบริการสาธารณะ
ฉากทัศน์ที่ 2 : ทีวีไทยพอแข่งขันได้ (ระยะหนึ่ง) มีกฎหมายกำกับดูแลเกิดเป็นตลาดที่ผสมผสานแพลตฟอร์ม OTT ระหว่างผู้ประกอบการไทย มีมาตรการสนับสนุนให้ทีวี กับผู้ประกอบการระดับโลกดั้งเดิมเข้าสู่ตลาดสตรีมมิ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ฝั่ง BVOD USA กับฝั่ง Asia แข่งกัน แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปเพื่อครอบครองกิจการไทยตามกลไกตลาด ไม่มีการ กระตุ้น ไม่แทรกแซง เปรียบเหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ฉากทัศน์ที่ 3 : ทีวีไทยสู่แพลตฟอร์มระดับโลก ปฏิรูปองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งตันน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ กำจัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เป็นอันตรายต่อกลุ่มเปราะบาง รวมถึงข่าวปลอมทั้งหลาย จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะ
1. Regulatory Authority for Digital Audiovisual Media (RADAM) : องค์กรขับเคลื่อนเชิงนโยบาย การกำกับดูแล แนวทางการส่งเสริมสนับสนุน
2. Thai Audiovisual Industry Council (TAVIC) : องค์กรขับเคลื่อนเชิงปฏิบัติ นำนโยบายของ RADAM : มาพัฒนาภาคอุตสาหกรรมต่อ โดยการสนับสนุนความช่วยเหลือต่างๆอุตสาหกรรมทีวีไทยพัฒนาสู่ระดับสากล เช่นเดียวกับฝรั่งเศส และเกาหลีเนื้อหา Thai Wave เติบโตและเป็นที่ต้องการในตลาดโลก
ขณะที่ ในปีที่ผ่านมาได้ปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย และการส่งเสริมสนับสนุนกิจการโทรทัศน์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้พัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีหลายโครงการที่ต้องหยุดชะงัก เพราะรอการบรรจุวาระเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมบอร์ดกสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ ได้ยกตัวอย่างโครงการและการดำเนินงานในกลุ่มนี้
ได้แก่ 1. สำหรับแนวทางการกำกับดูแลเพื่อรองรับการหลอมรวมในมิติต่างๆ การพิจารณานำบริการเสริมบนโครงข่ายโอทีที ที่ให้บริการแพร่ภาพและกระจายเสียงเข้าสู่ระบบการกำกับดูแล ได้มีการจัดทำ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง การให้บริการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งจะระบุหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแล OTT ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นการกำกับดูแลเท่าที่จำเป็นขั้นตอนต่อไปคือการนำร่างประกาศนี้ไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ แต่ภายหลังจากที่เสนอเพื่อบรรจุวาระเข้าที่ประชุม กสทช. ต่อไป
2. ในด้านการสนับสนุนการผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพและป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งมีแนวทางการสนับสนุนรายการสำหรับเด็กและเยาวชน รายการที่ส่งเสริมความหลากหลายในสังคม รายการเกี่ยวกับวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของท้องถิ่น และรายการที่มีศักยภาพในการผลิตร่วมกับต่างประเทศนั้น ได้จัดทำและเสนอ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การสนับสนุนการผลิตรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ประกาศฯ ตามมาตรา 52)
ที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะเรียบร้อยแล้ว เข้าบรรจุวาระที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2566 แต่ต่อมาประธาน กสทช. มีบันทึกสั่งการลงวันที่ 30 ต.ค. 2566 ให้สำนักงานหารือประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับกองทุนฯ ในการสนับสนุนตามร่างประกาศฯ ก่อนเสนอบรรจุวาระการประชุมต่อไป
3. ในการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนเกี่ยวกับกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ เพื่อทำหน้าที่จัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ และควบคุมการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพกันเองภายใต้มาตรฐานทางจริยธรรม ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน คือ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนเกี่ยวกับกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ พ.ศ. 2566 ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 แล้ว แต่ประธาน กสทช. ยังไม่บรรจุวาระ โดยสั่งการให้สำนักงานหารือประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับกองทุนฯ ในการสนับสนุนตามร่างประกาศฯ ก่อนเสนอบรรจุวาระการประชุมต่อไป
4. มีการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การส่งเสริมชุมชนที่มีความพร้อม และสนับสนุนผู้ประกอบกิจการบริการชุมชนที่มีคุณภาพ โดยมุ่งหมายให้มีการส่งเสริมชุมชนที่มีความพร้อมให้เป็นผู้มีคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการ และสนับสนุนผู้ประกอบกิจการบริการชุมชนที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุม ทั้งในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อให้สามารถเป็นสื่อกลางในการสร้างการมีส่วนร่วมและเกิดความเข้มแข็งในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ร่างประกาศดังกล่าวก็อยู่ระหว่างรอบรรจุวาระเข้าที่ประชุมกสทช. เช่นกัน