กรุงเทพมหานคร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกลุ่มบริษัทดาว ประเทศไทย (Dow)สถาบันรักลูก เลิร์นนิ่งกรุ๊ป สมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินโครงการ “ภาคี ดาว-อีเอฟ พัฒนาเด็กกทม.” โดยนำแนวทางการพัฒนาทักษะสมองส่วนหน้า หรือ EF (Executive Functions) ในเด็กปฐมวัย มาส่งเสริมในโรงเรียน และ ศูนย์เด็กเล็กในสังกัดของกทม.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของการพัฒนากทม. ต้องการให้กรุงเทพฯเป็นเมืองน่าอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งการพัฒนาเด็กนั้น ชุมชนกับสังคมมีส่วนมาก ซึ้งได้จุดประกายแนวคิดนี้ในช่วงลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง ได้ไปเยี่ยมกลุ่มรักลูก ซึ่งเป็นสิ่งที่ amazing มาก เพราะเราจะไม่ค่อยคิดถึงเด็กปฐมวัย ไปนึกถึงมหาลัยระดับโลก แต่เราไม่ได้นึกถึงว่าจริง ๆ แล้วมหาลัยจะดีแค่ไหนแต่ถ้าระดับปฐมวัยไม่ดี ก็ไม่มีทางดีขึ้นได้เพราะเด็กปฐมวัยถือเป็นวัตถุดิบตั้งต้น กทม. เรามีหลายนโยบายในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีทั้งระบบในชุมชน อัตราการจ้างครูที่เป็นปัญหา โดยที่ผ่านมาเราพยายามปรับในเรื่องคุณภาพการสอน อัตราจ้างบุคลากร สถานที่ ซึ่งหลักสูตรนี้เป็นสิ่งที่ดีมาก ปัจจุบันตนคิดว่าหัวใจคือเรามีสิ่งไม่ดีเยอะแยะในสังคม คนพยายามไปกำจัดสิ่งไม่ดีเหล่านั้น แต่สุดท้ายแล้วคำตอบอาจอยู่ที่ภูมิคุ้มกัน นั่นคือถ้าหากเรามีวัคซีน เราสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กสามารถคิดแยกแยะได้จะเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เพราะจะเป็นสิ่งติดตัวเขาไปตลอดชีวิต และการลงทุนกับเด็กเป็นการลงทุนที่ไม่แพงแต่เป็นสิ่งที่คุ้มค่า ต้องขอขอบคุณภาคีเครือข่ายที่เข้ามาเป็นแนวร่วมในการดำเนินโครงการนี้กันอย่างเข้มแข็ง และ กทม. จะขอปวารณาตัวว่าจะพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ติดอันดับท็อป 10 ของโลกให้ได้
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการนี้เริ่มดำเนินการใน กทม. มากว่า 1 ปีแล้ว เป็นหลักสูตรที่เปลี่ยนแปลงครู เปลี่ยนวิธีการสอน เพื่อให้เด็กสามารถพัฒนาตัวเอง มีส่วนร่วมกับการเรียน รู้จักคิดวิเคราะห์มากขึ้น ปัจจุบันเกิดเป็นโรงเรียนต้นแบบส่งเสริม EF ปฐมวัยจำนวน 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนวัดบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ และโรงเรียนวิชากร เขตดินแดง และจะขยายผลให้ครบทั้ง 50 เขต 437 โรงเรียน ภายใน 3 ปี
สำหรับโครงการนี้ มีแผนการดำเนินงาน 5 ปี ตั้งแต่ 2567 – 2571 โดยในระยะที่ 1 ซึ่งเสร็จสิ้นแล้ว ได้จัดการอบรมและติดตามนิเทศให้ความรู้แก่ครูปฐมวัยไปแล้ว 221 คน จาก 10 โรงเรียน 11 ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ในเขตหนองแขม และพัฒนาโรงเรียนต้นแบบส่งเสริม EF ปฐมวัยแล้วจำนวน 2 โรงเรียน คือโรงเรียนวัดบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กับโรงเรียนวิชากร เขตดินแดง รวมจำนวนเด็กปฐมวัยที่ได้รับการพัฒนาจากครูประมาณ 3,000 คน
โดยในโครงการระยะที่ 2 จะรับสมัครครูจากศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนจำนวน 200 คน เข้ารับการอบรมและนิเทศพร้อมไปกับการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบเพิ่มจาก 2 เป็น 7 โรงเรียน ครอบคลุมพื้นที่ กทม. 6 โซนเขต ประกอบด้วย เขตดินแดง บางเขน ปทุมวัน ลาดกระบัง บางพลัด และราษฎร์บูรณะ รวมครูและพี่เลี้ยงเด็กทั้งสิ้นในระยะที่ 2 ที่ได้รับการพัฒนาประมาณ 320 คน ซึ่งจะครอบคลุมการพัฒนาเด็กปฐมวัยประมาณ 5,500 คน ทั้งนี้ คาดว่าด้วยความร่วมมือของ กทม. กับภาคี ภายใน 5 ปี จะสามารถขยายผลการให้ความรู้เรื่อง EF ครอบคลุมศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนสังกัดสำนักพัฒนาสังคม จำนวน 271 สำนักอนามัย จำนวน 12 ศูนย์ และโรงเรียนในสังกัด กทม. ครบทั้ง 437 แห่ง
โดยภาคีฯ จะร่วมกันจัดให้มีการทำความเข้าใจกับผู้บริหารโรงเรียน การฝึกอมครู และครูพี่เลี้ยงให้มีความเข้าใจในการพัฒนา EF สามารถนำไปใช้สร้างการเรียนรู้ และสอดแทรกในการเรียนการสอนกับกิจวัตรประจำวันของเด็ก เพื่อเพิ่มทักษะการเรียนรู้และการจัดการกับตนเองให้กับเด็ก ๆ สามารถคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ เรียนรู้ แก้ปัญหา และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข รวมทั้งจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการดูแลและพัฒนาเด็กด้วย
ทักษะสมอง EF (Executive Functions) คือความสามารถในการจัดการชีวิต ที่จะช่วยให้เด็กรู้จักควบคุมอารมณ์ ยับยั้งชั่งใจ มีสมาธิจดจ่อ รู้จักปรับตัว กำกับตนเองได้ คิดวิเคราะห์ และตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม วิชาการด้านประสาทวิทยาชี้ว่า เมื่อฝังคุณสมบัติเหล่านี้ตั้งแต่ปฐมวัย จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทั้งปวง รวมทั้งป้องกันสิ่งเสพติดไปได้ตลอดชีวิต
ด้าน นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัทดาว ประเทศไทย ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านวัสดุศาสตร์ (Materials Science)ระดับโลก เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทดาวประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมทักษะสมอง EF ในจังหวัดระยองมา ตั้งแต่ปี 2561 อย่างต่อเนื่อง จนเห็นผลสัมฤทธิ์ว่า เด็กในโครงการฯ มีความสามารถในการจัดการตนเองและมีพฤติกรรมดีขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ จึงริเริ่มอาสานำมาส่งเสริมสนับสนุนเด็ก ใน กทม. และจะมีการขยายไปสู่โรงเรียนทั่วประเทศในอนาคต
“Dow ตระหนักว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นพลังที่สำคัญที่สุด ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ Dow จึงให้การส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยในหลายกลุ่มวัยมาอย่างต่อเนื่อง จากผลสำเร็จของการพัฒนาเด็กเล็กตามแนวทาง EF ที่จังหวัดระยอง ทำให้เราเชื่อมั่นที่จะสานต่อการดำเนินการในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร โดยนำร่องในพื้นที่หนองแขมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 ซึ่งได้มีการจัดอบรมและนิเทศน์ติดตามให้กับสถานศึกษากว่า 20 แห่ง พัฒนาโรงเรียนนวัตกรรมระดับปฐมวัย 2 แห่ง นอกจากนี้ ยังได้ร่วมสนับสนุนการจัดทำคู่มือพัฒนาทักษะสมอง EF เด็กปฐมวัยในโรงเรียนพื้นที่นวัตกรรมกรุงเทพมหานครให้ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ซึ่งจะเป็นการขยายองค์ความรู้และแนวทางการพัฒนาเด็กๆ ให้แพร่หลายต่อไป”
นางสุภาวดี หาญเมธี ประธานสถาบันรักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป กล่าวว่า ในฐานะผู้ขับเคลื่อนองค์ความรู้ EF มาตั้งแต่ปี 2557 สถาบันรักลูกฯ ยังเดินหน้าพัฒนาขยายชุดความรู้ EF ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น มุ่งหวังให้ความรู้นี้เป็นความรู้สามัญประจำบ้าน ที่ผู้ใหญ่ทุกคนเข้าใจ และนำไปใช้พัฒนาลูกหลานกับลูกศิษย์ของตนเองได้ เพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตอย่างมีหลักคิด เท่าทัน มีภูมิคุ้มกันที่ดี และเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งเทคโนโลยีไม่ว่าบวกและลบ ภาวะโลกร้อน หรือภัยพิบัติต่างๆ ฯลฯได้อย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้ผู้บริหารและคุณครูที่สนใจ สามารถดาวน์โหลด “คู่มือพัฒนาทักษะสมอง FE เด็กปฐมวัยในโรงเรียนนวัตกรรม กรุงเทพมหานคร” ได้ฟรีที่ https://www.dowfamilythailand.com/th/news-detail.php?NewsID=423 ซึ่งในคู่มือดังกล่าวมีข้อมูล กระบวนการ ประสบการณ์ และการถอดบทเรียนของการนำเทคนิคการเรียนการสอนตามแนวทาง EF มาใช้จริงในกรุงเทพมหานคร