“เรกูเลเตอร์” เข้ม “หลักเกณฑ์” ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติจากหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร เหลือ 219 ราย รวม 1,208.67 เมกะวัตต์ พร้อมเปิดเวทีคัดเลือกรอบสอง โดยการจับสลากจากผู้ที่ผ่านคุณสมบัติรอบแรกต่อหน้าสักขีพยาน เพื่อให้ได้ผู้ผลิตไฟฟ้าในโครงการ “โซลาร์ฟาร์ม” สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้ปิดยื่นคำขอรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร หรือโซลาร์ฟาร์ม เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้า รวมจำนวน 604 ราย (มีผู้ถอนคำขอออกไปจำนวน 14 ราย) เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการคัดกรองผู้ยื่นคำขอที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด โดยมีคณะอนุกรรมการที่มาจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่แต่งตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและคัดเลือก ซึ่งได้พิจารณาความครบถ้วนของเอกสาร โดยเฉพาะที่ดินจัดตั้งโครงการต้องอยู่ในเขตพื้นที่ตามประกาศข้อมูลศักยภาพของระบบไฟฟ้า รวมทั้งได้พิจารณาตรวจสอบเอกสารหลักฐานให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง เป็นต้น และความพร้อมของเงินทุน ซึ่งพบว่ามีผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าที่ผ่านคุณสมบัติเพื่อเข้าสู่การคัดเลือกโดยการจับสลาก รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 219 ราย (หน่วยงานราชการ จำนวน 121 ราย และสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 98 ราย) และคิดเป็นปริมาณการเสนอขายไฟฟ้ารวมเป็นจำนวน 1,028.67 เมกะวัตต์ และเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้ในเฟสแรกจำนวน 600 เมกะวัตต์ ยังคงสูงกว่าเป้าหมายอยู่
“สำหรับจำนวนผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ 385 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่มากอยู่นั้น สาเหตุสำคัญที่ส่วนใหญ่ไม่ผ่านคุณสมบัติการคัดเลือก ก็เนื่องจากติดกฎหมายผังเมืองไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้า ถึงแม้จะอยู่ในเขตพื้นที่ตามประกาศข้อมูลศักยภาพของระบบไฟฟ้าก็ตามที” โดยในขั้นตอนต่อไป กกพ. จะคัดกรองผู้ยื่นคำขอที่ผ่านคุณสมบัติด้วยวิธีจับสลาก เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้า ในเฟสแรก จำนวน 600 เมกกะวัตต์