ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
ไชยยา ตาบทิพย์วัฒนา นายกสมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
10 ก.ย. 2567

ในทศวรรษใหม่ของโลก จะเห็นได้ว่า การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ๆ ในการบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็นในภาครัฐหรือเอกชน ในบริบทของสังคม หรือแม้กระทั่งการเมือง คนหนุ่มคนสาว หรือคนในวัยกลางคน 40 กว่าๆ ย่าง 50 ต่างได้รับการยอมรับมากขึ้น ผิดจากเดิมที่เรามักจะเห็นแต่คนในวัย 50 กว่าๆ หรือ 60 ขึ้น

            วันนี้ อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก จึงจะขอนำท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับบุคคลผู้หนึ่ง ที่ขมักเขม้นอยู่กับการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนได้รับตำแหน่งมากมายในสายงานที่เขาช่ำชอง และที่น่าสนใจคือ ก้าวย่างที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ “นายกสมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยหอการค้า” คนที่ 12 และเป็นคนหนุ่มที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะมีอายุเพียง 40 กว่าๆ เท่านั้น เขาผู้นั้นก็คือ “คุณไชยยา ตาบทิพย์วัฒนา” หรือ “คุณเล้ง”

            และอย่างที่ทราบกันดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นับเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศทั้งในด้านผลิตบุคลากรและการนำเสนอข้อมูลที่สำคัญๆ บุคลากรที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันแห่งนี้จึงกอปรไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และแน่นอนสมาคมศิษย์เก่าฯ แห่งนี้ จึงเต็มไปด้วยบุคคลดังที่กล่าว และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกันที่ใครใดคนหนึ่งจะก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ นายกสมาคมศิษย์เก่าฯ แห่งนี้ หากไม่มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์

                โดยคุณไชยยา หรือคุณเล้ง เริ่มเล่าถึงชีวิตของตนเองกับ อปท.นิวส์ ว่า เขาเป็นคนพื้นเพที่จังหวัดพิจิตร คุณพ่อคุณแม่ประกอบอาชีพเปิดร้านขายยา มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน คนโตเป็นผู้ชาย รองลงมาเป็นผู้หญิงทั้ง 2 คน และตัวคุณไชยยาเป็นคนสุดท้อง การเรียนการศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เรียนอยู่ที่จังหวัดพิจิตร และหลังจากนั้นจึงเข้ามาศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่กรุงเทพมหานคร สถานศึกษาก็คือ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นี่เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ก้าวมาสู่ นายกสมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในปัจจุบัน ด้วยวัยขณะนั้นเพียง 47 ปี ถือเป็นนายกสมาคมฯ ที่มีอายุน้อยที่สุดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมา

                สำหรับด้านศึกษานอกจากจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แล้ว คุณไชยยา ยังก้าวเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีอีก 1 ใบ ในสาขานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญานิติศาสตร์นี้เอง ที่คุณไชยยา ได้ยึดเป็นอาชีพหลัก คือ ทนายความ มาจนถึงปัจจุบัน เป็นทั้งทนายความที่ให้ความช่วยเหลือกับสังคม และเป็นผู้ชำนาญการให้กับองค์กรต่างๆ

                ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง หลายหลักสูตร อาทิเช่น หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.11), หลักสูตรประกาศนียบัตรทางกฎหมายปกครอง และคดีปกครองชั้นสูง (GSL) คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์  ซึ่งในปัจจุบันมีตำแหน่งหน้าที่ คือ เจ้าของสำนักกฎหมาย “สำนักกฎหมายตาบทิพย์วัฒนา” รับว่าความแก้ต่างอรรถคดีในคดีแพ่ง, คดีอาญา และคดีปกครอง ฯลฯ, อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการ การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร, อดีตที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการ กิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน คณะที่สอง สภาผู้แทนราษฎร, และปุจจุบัน อนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท ข้อโต้แย้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

                “ตอนผมจบหอการค้าฯ ก็มาเริ่มค้าขายของตกแต่งบ้านอยู่พักหนึ่ง ขณะนั้นเพื่อนก็มาชวนไปเรียนกฎหมายก็สนใจจึงได้เข้าไปศึกษาที่ธรรมศาสตร์จนจบ และก็เริ่มทำงานเป็นที่ปรึกษาพักหนึ่ง และมาเป็นทนายความตั้งแต่นั้นมา ช่วงแรกก็ออกว่าความกับเพื่อนรุ่นพี่จนมาจัดตั้งสำนักงานกฎหมายขึ้นเอง ซึ่งจากการที่ได้ออกว่าความมา ก็ได้เห็นปัญหาทางสังคมมากมาย โดยเฉพาะชาวบ้านที่เดือดร้อน เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรมจริงๆ โดยเฉพาะเคสไหนที่ถูกกลั่นแกล้งก็จะรับว่าความให้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งแพ่งและอาญา ที่หนักหน่อยก็จะเป็นเรื่องถูกคุมขังระหว่างที่ยังไม่ได้ประกันตัว ฯลฯ ก็จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือฯลฯ ก็ทำต่อเนื่องมาตลอด”

                “โดยมีคดีที่สำคัญทำในช่วงที่เป็นทนายความ อาทิเช่น คดีหลอกให้ลงทุนค้าทองคำ มีผู้เสียหายหลายร้อยคนทั่วประเทศ มีความเสียหายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท จำเลยถูกดำเนินคดีหลายคดี บางคดีถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไปแล้ว และคดีบริษัททัวร์ หลอกให้ซื้อทัวร์ราคาถูก หรือซื้อราคาปกติ แต่ก็ลอยแพลูกทัวร์ ปัจจุบันเจ้าของบริษัททัวร์ ถูกจับกุมแล้ว”  คุณไชยยา เล่าถึงการการทำงานด้านทนายความไว้ช่วงหนึ่ง

                อย่างไรก็ตาม สำหรับตำแหน่ง นายกสมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คุณไชยยา เล่าให้ฟังว่า ได้รับเกียรติจากสมาชิกสามัญของสมาคมฯ เป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2565 และเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ ในห้วงเวลาที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่งผ่านพ้นไป และรัฐบาลเริ่มต้นเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงนั้น ส่งผลกระทบให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ ต้องหยุดชะงักไปด้วย ดังนั้น จึงเป็นโจทย์สำคัญในฐานะผู้นำขององค์กรว่า จะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้สมาคมฯ สามารถกลับมาจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการจัดหารายได้สำหรับใช้ในการบริหารงาน และสามารถนำรายได้นั้นๆ ไปใช้ในการการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม และ/หรือ ผู้ด้อยโอกาส ดังเช่นได้เคยปฏิบัติสืบเนื่องกันมารุ่นต่อรุ่น 

                จึงเป็นที่มาของการจัดแสดงคอนเสิร์ตการกุศล “คืนแห่งความสุข (สนุก) ได้กุศล” เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 ณ สโมสรทหารบก เนื่องในโอกาสครบรอบ 47 ปี ของการจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการจัดหารายได้สำหรับใช้ในกิจกรรมของสมาคมฯ และเพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้แก่ โรงพยาบาล ซึ่งขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยการแสดงของศิลปิน เจ เจตริน วรรธนะสิน, วงสินเจริญบราเธอร์ส และน้องลูกหยี (ศิษย์เก่าคณะบัญชีของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย) ซึ่งผ่านการประกวดร้องเพลงจากเวที The Voice Thailand

                และในปี พ.ศ. 2567 นี้ ที่สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ครบ 4 รอบ (48 ปี) แห่งการจัดตั้งสมาคมฯ ยังได้จัดให้มีการแสดงปาฐกถาพิเศษทางวิชาการขึ้น โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ณ สโมสรทหารบก วัตถุประสงค์เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ๆ ด้านการค้า การลงทุน และสร้างแรงผลักดันที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนของคนไทยในปัจจุบันและในอนาคต โดยสมาคมฯ ได้รับเกียรติจากคุณปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา, รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์,คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร และ ศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล ปาฐกถาเรื่อง “แนวโน้มแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดการเงินของประเทศไทย ปี 2567” ซึ่งองค์ปาฐกทุกท่านเปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์และความรู้ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของประเทศไทยและต่างประเทศเป็นอย่างดี และการรวมตัวของบุคคลสำคัญทั้ง 4 ท่าน ณ สถานที่แห่งเดียวกันนี้มิใช่เรื่องง่าย

                 ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการภาคธุรกิจการค้าและการลงทุน ที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่จะสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับนี้ไปปรับใช้ในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ทางการค้า และวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร โดยการจัดกิจกรรมใหญ่ทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาของสมาคมฯ ประสบผลสัมฤทธิ์ดังที่มุ่งหวังและตั้งใจทุกประการ ได้รับคำชื่นชมและการตอบรับจากแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก เนื่องจากได้รับการส่งเสริม สนับสนุน และให้ความอนุเคราะห์จากศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยทุกรุ่น ตลอดจนภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และที่สำคัญคือ คณะกรรมการดำเนินงานทุกท่านล้วนทุ่มเทแรงกาย แรงใจ อย่างสุดกำลังความสามารถ จึงทำให้กิจกรรมของสมาคมฯ ทุกๆ กิจกรรมประสบความสำเร็จและนำพาชื่อเสียงมาสู่สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเสมอมา

                “การได้มีโอกาสเข้ามาบริหารงานของสมาคมฯ ในตำแหน่งนายกสมาคมฯ นั้น ผมได้ตั้งปณิธานไว้ว่า สมาคมฯ จะต้องมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลง โดยจะยึดถือผลประโยชน์ของสมาคมฯ เป็นสำคัญ และยังคงยึดมั่นในจารีตประเพณีอันดีงามที่สมาคมฯ ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งภารกิจสำคัญของผมและคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ทุกท่าน นอกจากการสร้างชื่อเสียงให้องค์กรแล้ว เรายังตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายสำหรับธุรกิจของศิษย์เก่าให้มีความเข้มแข็ง และพร้อมส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ของศิษย์เก่า ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยให้มีความเจริญเติบโตยิ่งๆ ขึ้น รวมถึงการให้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและหอการค้าไทย ในการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาและกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” คุณไชยยา กล่าวด้วยความมุ่งมั่น

                นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังได้กำหนดนโยบายการบริหารงานด้วยการประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงต่างๆ เพื่อให้ผลงานที่ปรากฏสู่สาธารณะมีความโดดเด่นและยิ่งใหญ่ แสดงให้สังคมได้เห็นถึงศักยภาพของศิษย์เก่า ซึ่งเป็นผลผลิตจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ด้านบริหารธุรกิจ และเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งเดียวในประเทศไทยที่ติดอันดับใน ASEAN Top Universities RUR World University Rankings ต่อเนื่อง 5 ปี พร้อมกันนี้ สมาคมฯ จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาองค์กรให้มีความก้าวล้ำทันสมัย เพื่อตอบสนองและครอบคลุมความต้องการของมวลสมาชิกที่มีความหลากหลายในทุกด้านผ่านแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กภายใต้ชื่อเพจ “สมาคมศิษย์เก่า ม.หอการค้าไทย UTCCA”และติ๊กต๊อกภายใต้ชื่อช่อง “สมาคมศิษย์เก่า ม.หอการค้าไทย” ท่านผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและการจัดกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ ได้ตามช่องทางดังกล่าว

                และอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความสำคัญของสมาคมฯ ที่ได้ดำเนิการในปี 2567 คือ “การจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับสมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน” โดยมีวัตถุประสงค์ความร่วมมือเพื่อ ส่งเสริมเผยแพร่วิทยาการในสาขาอาชีพต่างๆ แก่มวลสมาชิกและบุคคลทั่วไป, ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีซึ่งกันและกัน, ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อการกุศลและสาธารณประโยชน์,ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน เป็นต้น

                “ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมาถึง 48 ปีแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ภายใต้การบริหารงานของผม และนายกสมาคมศิษย์เก่ารุ่นต่อๆ ไป จะยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์อันดีงามที่อดีตนายกสมาคมฯ ทุกท่าน และพี่ๆ ศิษย์เก่า ซึ่งมีคุณูปการต่อสมาคมฯ ได้วางรากฐานไว้เป็นอย่างดีแล้ว รวมทั้งยังมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะพัฒนาพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อนำพาให้สมาคมฯ ก้าวทันโลกยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเป้าหมายใหญ่แห่งความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้านั้น สมาคมฯ มิอาจดำเนินการได้เพียงลำพัง จึงพร้อมเปิดโอกาสและยินดีต้อนรับศิษย์เก่า ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ซึ่งเติบโตมากับ IT และเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึง AI ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญต่อไปในอนาคต เพื่อให้กลับเข้ามาช่วยกันคิด ช่วยกันรังสรรค์ และช่วยกันเผยแพร่เกียรติยศชื่อเสียงเพื่อให้สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยแห่งนี้ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเคียงข้างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยสืบต่อไป...”  คุณไชยยา กล่าว

                สำหรับด้านส่วนตัว คุณไชยยา บอกว่า ตัวเขายังโสด โดยเวลาส่วนใหญ่จะอุทิศให้กับการทำงานเป็นหลัก ไม่ว่าจะในด้านการเป็นทนายความให้กับผู้เดือดร้อน และการเดินหน้าที่จะให้สมาคมฯ มีความก้าวหน้าและเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกมากที่สุด ขณะที่ปรัชญาชีวิต คุณไชยยา กล่าวว่า “ง่ายๆ คิดดี ทำดี และพูดดี เพราะถ้าเราคิดดี ทำดี และพูดดีแล้ว เชื่อว่าจะมีสิ่งดีๆ ตามมา ถึงแม้ว่าสิ่งดีๆ บางครั้งอาจจะมาช้า แต่ถ้าเราไม่ย่อท้อ ทำไปเรื่อยๆ เชื่อว่ามันคุ้มค่า ...”

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 กันยายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...