ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
คงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมใจไทย
11 ก.ย. 2567

ปัญหาปากท้องประชาชน ถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย และนักการเมืองไทยก็พยายามแก้ไขเสมอมา แต่แน่นอนว่า เมื่อสังคมมีการเปลี่ยนแปลง บริบททางกฎหมายไม่เหมือนเดิม ปัญหาเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น การแก้ปัญหาเหล่านี้นอกจากต้องเป็นนักการเมืองที่พร้อมช่วยเหลือประชาชนแล้ว ยังต้องเป็นนักการเมืองที่มีจิตใจอุทิศเพื่อประชาชนและมีเข้าใจและเข้าถึงปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อให้รู้ว่าปัญหาของประชาชนคืออะไรและสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร

อปท.นิวส์เชิญเป็นแขกฉบับนี้ จึงจะขอนำท่านผู้อ่านมารู้จักกับนักกรเมืองผู้หนึ่งตามนิยามข้างต้น ซึ่งเขาผู้นั้นก็คือ คงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ หรือ คุณเอ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดระนอง พรรคภูมิใจไทย หนึ่งในนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่เคยมีเข็มทิศชีวิตเดินในสายธุรกิจ ขณะที่มีคุณพ่อเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และเมื่อท่านสุขภาพไม่ดี ทำให้โชคชะตาของเขา ต้องเดินเข้าสู้เส้นทางเส้นการเมืองแทนคุณพ่อ ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่นักการเมืองอย่างเต็มที่ โดยให้ความสำคัญกับปากท้องของชาวบ้าน จนเขาสามารถช่วยเหลือประชาชนจากพื้นที่ ป่าคลองหัวเขียว - ป่าคลองเกาะสุย ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เช่าต่อให้สามารถทำมาหากินต่อไปได้ และยังวางรากฐานด้านเศรษฐกิจสำหรับอนาคต นั่นคือการผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์

โดยคุณคงกฤษ หรือ สส.เอ ได้เริ่มเล่าชีวิตของเขาว่า เรียนจบมหาวิทยาลัยเกริกทั้งปริญญาตรี -ปริญญาโท โดยปริญญาตรี ด้านศิลปศาสตรบัณฑิต และต่อปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต โดยมีคุณพ่อเคยทำงานการเมืองท้องถิ่นที่จังหวัดระนองมาก่อน ในตำแหน่ง สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) และเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระนอง 2 สมัย จึงกล่าวได้ว่า ครอบครัวของเขาคลุคลีกับการเมืองมาอยู่เนืองๆ ได้เห็นการทำงานการเมืองมาก่อน ด้วยเหตุนี้ทำให้ สส.เอ ได้ซึมซับและมีโอกาสสัมผัสถึงความต้องการของประชาชน

อย่างไรก็ตาม สมัยนั้นก็ยังไม่มีความสนใจด้านการเมืองมากนัก แต่พุ่งเป้าไปที่จะสานต่อธุรกิจของที่บ้านมากกว่า ซึ่งที่บ้านของ สส.คงกฤษประกอบธุรกิจลูกชิ้นแชมป์-ฮั้งเพ้ง ที่ขึ้นชื่อรือชาว่าเป็น “ราชาลูกชิ้นไทย” ดำเนินกิจการผลิตและจำหน่ายลูกชิ้นหมูฮั้งเพ้ง และลูกชิ้นเนื้อแชมป์มาตั้งแต่ปี 2527

แต่ในช่วงปี 2550 -2551 คุณพ่อมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และกลัวว่าปัญหาดังกล่าว จะทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้ จึงเป็นเหตุผลที่ผลักดันให้ สส.คงกฤษเข้าทำงานแทน โดย ส่วนการเปลี่ยนทิศจากธุรกิจสู่สนามการเมือง สส.คงกฤษ เล่าว่า

“ตอนนั้นก็มีคณะทีมงานอยู่แล้ว คุณพ่อก็เลยอยากให้ผมมาลงการเมืองแทนคุณพ่อ ซึ่งตอนนั้นอายุเรายังน้อยอยู่ ประมาณ 36 ปีเท่านั้น ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า เราจะมาเป็นนายก อบจ. ได้ไหม เลยไม่ได้รับการเลือกตั้งในตอนนั้น แต่ได้มีผู้ใหญ่อยากให้ทำการเมืองต่อ จึงได้ถูกเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดระนอง ตั้งแต่ปี 2551 จนถึง ปี 2561 เป็นเวลา10 ปี ซึ่งผมมีหน้าที่ดูแลการสนับสนุน ผลักดันวงการกีฬาเยาวชนในจังหวัด”

สส.คงกฤษ บอกต่อว่า การได้เป็นนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดระนอง เพราะได้รับความไว้ใจจากประชาชน ถือเป็นตำแหน่งที่ต้องมีจิตสาธรณะหรือมีจิตใจเพื่อมวลชนอย่างแท้จริง ซึ่งจากโอกาสในตำแหน่งนี้ ทำให้ได้มีโอกาสลงพื้นที่พบประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านรู้จักมากขึ้น และยังทำให้รู้ถึงปัญหาท้องถิ่นเป็นอย่างดี ประกอบกับทีมงานยังช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง

ก่อนที่ต่อมาจึงตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ปี 2555 พร้อมขับเคลื่อนในนามของทีม “ทีมระนองก้าวหน้า” ซึ่งไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด หลังจากนั้นจึงถือว่าได้ทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว และได้มีโอกาสบริหารจัดการเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการงบประมาณท้องถิ่น ได้ลงพื้นที่          ได้จัดสรรงบประมาณท้องถิ่นต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือ เพื่อให้ประชาชนชาวระนองมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น    โดยให้ความสำคัญกับเรื่องของปากท้อง ความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยหรือสิทธิในที่ดินทำกิน

อย่างไรก็ตาม การเมืองท้องถิ่นก็ยังมีข้อจำกัด ทำให้นักการเมืองท้องถิ่นให้การช่วยเหลือ เพราะอยู่เหนืออำนาจหน้าที่ของเรา เช่น ปัญหาที่ทำกิน ปัญหาเรื่องน้ำ และปัญหาปากท้องของประชาชน

ซึ่งปัญหาที่ดินทำกินหรือปัญหาที่ดินเช่าของจังหวัดระนอง เกิดจากการหมดสัญญาหมดเช่ากับ อบจ. และไม่สามารถต่อสัญญาเช่าได้ในพื้นที่ป่าคลองหัวเขียว - ป่าคลองเกาะสุย ต.บางริ้น ต.เขานิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ส่งผลให้ชาวบ้านต้องอยู่อย่างผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันการเมืองท้องถิ่นก็ไม่สามารถผลักดันงบประมาณให้เกิดการพัฒนาสาธารณูปโภค อาทิ ถนน ไฟฟ้า ให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากเป็นที่ดินที่ไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ด้วยข้อจำกัดการเป็นนักการเมืองท้องถิ่นและอยากช่วยประชาชนให้ดีกว่านี้ ตนจึงเลือกที่จะสมัครที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย

โดยสาเหตุที่ สส.เอเลือกที่จะเดินอุดมการณ์ทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากช่วงนั้นกำลังมองหาพรรคการเมืองที่มีความเหมาะสม และต้องเป็นพรรคที่มีโอกาสให้เขาสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับพรรคได้ รวมไปถึงมีนโยบายที่สร้างสรรค์ให้กับประชาชนได้ จึงได้เลือกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

“นอกจากนี้ ยังมีท่านเนวิน ชิดชอบ ที่คอยผลักดันและให้ความช่วยเหลือพรรคภูมิใจไทยเสมอมา โดยที่ท่านเองก็ไม่ได้เป็นผู้บริหารของพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งท่านเนวินยังมีเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์เป็นโมเดล ทำให้ผมรู้สึกว่า ท่านมีความพร้อมและมีประสบการณ์ ในการสามารถพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ที่ไม่มีใครรู้จัก ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้ผมมองท่านเนวินเป็นแบบอย่าง ในฐานะนักการเมืองเก่าแก่ที่ดี เป็นนักพัฒนาบ้านเมือง ทำให้จังหวัดบุรีรัมย์มีรายได้ นั้น เป็นสาเหตุที่ผมเลือกพรรคภูมิใจไทย เพื่อเอาโมเดลจังหวัดบุรีรัมย์มาใช้กับจังหวัดระนอง” สส.คงกฤษ กล่าวถึงแรงบันดาลใจ ที่ร่วมเดินอุดมการณ์การเมืองกับพรรคภูมิใจไทย.

แน่นอนจากการเมืองท้องถิ่นสู่สนามที่ใหญ่กว่าอย่างการเมืองระดับประเทศ ย่อมมีแรงกดดันหรือความท้าทายที่ต้องพิสูจน์ ซึ่งเรื่องนี้ สส.เอ บอกว่า การกระโดดจากการเมืองท้องถิ่นสู่ระดับประเทศมีหลายเรื่องให้ต้องตัดสินใจ เพราะมีหลายคนบอกว่า การเมืองระดับชาติมีการแข่งขันสูง แต่เนื่องจากตนต้องการช่วยเหลือประชาชนชาวระนองเป็นสำคัญ ซึ่งหากไม่ตัดสินใจลงเลือกตั้งครั้งนี้ ก็จะไม่มีโอกาสที่จะสะท้อนปัญหาของประชาชนในระดับชาติได้ ส่งผลให้โอกาสที่จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนก็อาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ทำ

ซึ่งหลังจากได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ที่พรรคภูมใจไทย ก็เริ่มเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ระนองตามตามที่เคยรับปากไว้กับชาวบ้านที่ในการแก้ปัญหาที่ดินเช่า 2 แปลง ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ที่แปลงหนึ่งได้หมดสัญญาเช่าในปี 2540 ขณะที่อีกแปลงหนึ่งหมดในปี 2559 และได้มีมติ ครม. ไม่สามารถให้ต่อสัญญาเช่าต่อได้ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกประกาศให้เป็นเขตป่าเลนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และถูกสั่งห้าม ให้ชาวบ้านบุกรุก รวมถึงใช้พื้นที่ดังกล่าวทำมาหากิน จึงสร้างผลกระทบให้กับประชาชนเรื่องปากท้องเป็นอย่างมาก ซึ่ง คุณ เอก็ได้บอกผลของการลุยงานการเมืองในฐานะ ส.ส. ว่า

“วันนี้ก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวได้แล้ว ในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ยกโมเดล 400 กว่าไร่ และไปสำรวจ 2 แปลงที่ของ อบจ. ที่เคยมีสัญญาเช่าปี 2540 กับ 2559 ว่า มีบ้านเรือนอยู่กี่หลังคาเรือน มีชาวบ้านอยู่ประมาณเท่าไหร่ เมื่อสำรวจเสร็จก็ได้นำโมเดลนี้เป็นตัวอย่างในการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน และยังให้ทางกรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแลต่อไป นี้จึงเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจที่สามารถแก้ปัญหาที่ดินให้กับชาวบ้านได้แล้ว”

 หลังจากการลุยแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน สส.กฤษ บอกต่อว่า ชาวบ้านได้ขอบคุณที่ได้ร่วมกันผลักดันและนำเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน พื้นที่ป่าคลองหัวเขียว - ป่าคลองเกาะสุย (บางส่วน) เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. จน ครม.ได้มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองหัวเขียว-ป่าคลองเกาะสุย พื้นที่ตำบลบางริ้น และตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง (ที่เช่าอบจ.เดิม 2 แปลง และแปลงสนามกีฬาท่าด่าน เทศบาลเมืองระนอง)  ทำให้ชาวบ้านสามารถอยู่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย และก็เสียค่าเช่าต่อไปภายใต้การดูแลของกรมธนารักษ์

นอกจากการช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว ณ เวลานั้น ทางพรรคภูมิใจไทยก็อยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข ประกอบกับช่วงนั้น เกิดสถานการณ์โควิดระบาดก็ได้มีโอกาสไปบอกถึง การจัดสรรวัคซีนให้กับชาวระนองได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้พรรคภูมิใจไทยยังได้ดูแลคมนาคม ก็ยังได้มีโอกาสแก้ปัญหาถนนหนทางที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขมาอย่างยาวนาน จนสามารถปรับปรุงถนนหนทางให้กับประชาชนให้ดีขึ้น

อีกทั้งยังมี Project หรือโครงการสำคัญที่จะผลักดัน คือโครงการแลนด์บริจด์ ซึ่งจะมีการพัฒนาท่าเรือ ระนอง ให้เป็นท่าเรือสินค้า คอนเทนเนอร์และเป็นประตูการค้าฝั่งอันดามัน เชื่อมโยงระหว่างท่าเรือระนองกับท่าเรือกลุ่มประเทศ BIMSTEC ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมถึงการสร้างท่าเรือชุมพร ฝั่งอ่าวไทย ให้เป็น Smart Port และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีการพัฒนาทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมือง (Motorway) รถไฟทางคู่ รวมถึงการขนส่งทางท่อ โดยก่อสร้างคู่ขนานบนเส้นทาง เดียวกัน ตามแผนบูรณาการ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเชื่อมต่อแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ หรือ MR-MAP

“หากโครงการ Landbridge สำเร็จ ประเทศไทยก็จะเป็นฮับ การขนส่งระหว่างประเทศ ไม่ใช่แค่เรื่องของการประหยัดเวลาการส่งของ แต่ยังส่งผลดี ต่อภาคอุตสาหกรรมและการผลิต เป็นการเพิ่มโอกาสของชาวบ้าน เช่น การแปรรูปอุตสาหกรรม ทางการเกษตร อาหาร และประมง รวมถึงอาหารทะเลแช่แข็ง ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้า อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอัจฉริยะแห่งอนาคต เป็นต้น ทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาที่ดิน ทำกิน เพื่อสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ ให้สอดคล้องกับพื้นที่ในการพัฒนา การต่อยอด และการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อนำมาพัฒนาที่ดินให้มีการสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และให้ประชาชน มีความเป็นอยู่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นั่นเอง” คงกฤษ กล่าว

สส.คงกฤษ บอกอีกว่า ตามที่พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กำหนดให้โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นนโยบายสำคัญของพรรคภูมิใจไทย และนานศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ประกอบกับการสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ ของพี่น้องประชาชนทั้งจังหวัดระนอง และจังหวัดชุมพร

“และผม ได้ติดตามโครงการแลนด์บริดจ์มาตลอดเช่นกัน ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ซึ่งผมได้ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่อง โครงการแลนด์บริดจ์ โดยถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ติดภารกิจ จึงได้มอบหมายให้ท่านมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน และท่านได้แจ้งว่าจะนำโครงการแลนด์บริดจ์เข้าครม. ภายในเดือนตุลาคม 2566 นี้”

และเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ครม.ได้รับทราบหลักการโครงการ ‘แลนด์บริดจ์’ มูลค่า 2.28 แสนล้าน เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งถือว่าไวมากๆ ผมในนามตัวแทนพี่น้องประชาชน ต้องขอขอบคุณรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งนำโดย ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรีทุกท่านครับ ที่รับหลักการโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งนับว่าเป็นโครงการสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยครับ”

สำหรับแนวคิดหรืออุดมคตินั้น สส.กฤษ ได้กล่าวปิดท้ายว่า “ไม่มีความสำเร็จใดที่ไม่ต้องใช้ความพยายามและเวลา ดังนั้น หากเราจะทำอะไร ขอให้เราตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนมุ่งมั่น ตั้งใจ ศึกษาเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้ง และลงมือทำ หากเราพยายาม มุ่งมั่น ตั้งใจแล้วหัวใจที่แข็งแกร่ง ก็จะนำพาเราไปถึงเส้นชัยแห่งความสำเร็จได้เสมอ”

“แน่นอนว่า เมื่อทำงานที่ใหญ่ระดับประเทศย่อมต้องมีอุปสรรค เมื่อมีปัญหาอุปสรรค ผมจะมองว่า ให้เรายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และหาต้นตอของสาเหตุปัญหาที่แท้จริง เพื่อที่จะแก้ไขให้ตรงจุด และหากการทำงานที่มีคนหมู่มาก ลางเนื้อชอบลางยาครับ เป็นธรรมดาที่อาจจะไม่ได้เห็นดีด้วย หรือเห็นตรงกันทั้งหมด แต่ผมมีความเชื่อครับว่าสันติสุขเกิดขึ้นได้ภายใต้ความแตกต่าง แตกต่างได้แต่ต้องไม่แตกแยกนั้นเอง สส.คงกฤษ กล่าวในที่สุด

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 กันยายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...