ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
สเกน จันทร์ผดุงสุข นายกเทศมนตรีตำบลภาชี ประธานสันนิบาตเทศบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
11 ก.ย. 2567

เทศบาล ถือเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีบทบาทและภารกิจ  ครอบคลุมการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐาน เทศบาลตำบลภาชี เป็นหนึ่งในเทศบาลของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีคณะผู้บริหารที่มีวิสัยทัศที่กว้างไกลมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชานให้มากที่สุด ถือเป็นภารกิจที่ต้องบรหารจัดการและขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลง พัฒนาไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ผู้ที่จะมานั่งตำแหน่งนายกเทศบาล จึงควรเป็นคนในพื้นที่ เพราะน่าจะเป็นบุคคลที่เข้าอกเข้าใจปัญหาของคนในพื้นที่ได้ดีที่สุด

                ด้วยเหตุนี้ อปท.เชิญเป็นแขก ฉบับนี้ จึงขอเสนอ คุณสเกน จันทร์ผดุงสุข นายกเทศมนตรีตำบลภาชี ประธานสันนิบาตเทศบาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือที่เรียกขานกันว่า “นายกเอ” และเมื่อได้มีโอกาสทำหน้าที่นายกเทศมนตรี ตำบลภาชี เขาก็ตั้งใจทำงานอย่างมุ่งมั่น และตั้งใจสร้างความเจริญให้กับบ้านเกิดเมืองนอนของตนอย่างจริงจัง จนได้รับความไว้วางใจ ความเชื่อมั่นจากประชาชนชาวภาชี เลือกให้เป็นนายกเทศศมนตรีมาตลอด 20 ปี

                โดยนายกเอ เริ่มเล่าว่า ตนเองเป็นคนภาชีตั้งแต่เกิด และได้มีโอกาสไปศึกษาเล่าเรียนที่กรุงเทพมหานครจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ หรืออัสสัมชัญกรุงเทพฯ จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะบริหารการเงิน และปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฏอยุธยา คณะรัฐศาสตร์การเมือง และศึกษาต่อปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์การเมือง ที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

                นายกเอ เล่าอีกว่า การตัดสินใจเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏอยุธยา คณะรัฐศาสตร์ ของตนนั้น มาจากที่ตนหันเข็มทิศชีวิต สนใจที่จะมาลงเล่นการเมือง ประกอบกับที่บ้าน คุณพ่อเคยดำรงตำแหน่งกำนัน และยังเป็นอดีตนายกเทศมนตรีตำบลภาชีมาก่อน อาจกล่าวได้ว่า เป็นคนที่เกิดมาในครอบครัวนักการเมืองสายตรงเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม นายกเอ ยอมรับว่า ช่วงเด็กก็ไม่ได้มีความสนใจหรือคิดจะเดินทางสู่สายการเมืองแต่อย่างใด แต่สนใจในเรื่องการค้าขายมากกว่า ซึ่งหลังจากเรียนจบก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้าน เนื่องจากที่บ้านประกอบอาชีพค้าขายวัสดุก่อสร้าง ขณะที่คุณพ่ออยากให้ตนทำงานทางการเมือง โดย นายกสเกน ได้บอกถึงเหตุที่เลือกเส้นทางการเมืองว่า

                “คุณพ่อผม อยากให้ผมมาสู่เส้นทางทางการเมือง จึงได้ชักชวนผม โดยตอนแรกท่านบอกเสมอว่า จะลองเป็นกำนันไหม ผมบอกไม่เอา คุณพ่อเลยบอกว่า งั้นไปเป็นนายกเทศบาลแทนแล้วกัน ผมก็เลยมาลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสุขาภิบาล ซึ่งต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาล ผมก็ได้เป็นสมาชิกเทศบาลต่อเลย จนต่อมาคุณพ่อผมเสียชีวิต ผมจึงต้องโดดขึ้นมาเป็นนายกเทศมนตรีตำบลภาชี”

                 นายกสเกน เล่าต่อว่า เนื่องจากตอนแรกตนเองก็ไม่ได้มีความสนใจเรื่องการเมืองมาก่อนเลย แต่เมื่อได้มีโอกาสมาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน จึงเกิดแรงกระตุ้นโดยธรรมชาติที่ต้องการทำให้ประชาชนมีความสุขและมีความประทับใจในตัวเรา มีชีวิตความเป้นอยู่ที่ดี ประกอบกับอำเภอภาชีไม่ใหญ่นัก ในเขตเทศบาลมีประชากรอยู่ประมาณ 6,000 คน มีพี่น้องอยู่อาศัยประมาณ 1,800 กว่าครัวเรือน ซึ่งมองว่าเป็นพื้นที่กำลังพอดี เหมาะสมกับการบริหารจัดการ

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ตนสามารถลงพื้นที่ พบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน รับทราบปัญหาความต้องการของพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึง เพื่อนำปัญหา ความต้องการของประชาชนมาแก้ไข ปรับปรุงให้ตรงความต้องการของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด เพื่อตอกย้ำว่า เราคือตัวแทนของประชาชนและเขาไม่ผิดหวังที่เลือกเรามา ตอนนั้นคิดแค่นี้ แต่พอหลังจากทำงานได้ระยะหนึ่ง ทำให้เริ่มมองเห็นว่า เราสามารถทำอะไรได้บ้างนอกจากที่ทำให้ประชาชนชอบใจ หรือมีความสุขกับการทำงานของเรา นั่นคือ การพัฒนาบ้านเมืองของตนไปอีกระดับ

โดยพื้นที่ที่ดูแลเป็นพื้นที่สีเขียว ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย ความต้องการของประชาชนคือทำอย่างไรจึงจะค้าขายได้กำไรดี คือขายดิบขายดี โจทย์ของเราคือวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ช่วงที่ประชาชนมารับเบี้ยยังชีพ จะมีการแจกคูปองให้ผู้ที่ได้รับคูปองนำคูปองที่ได้ไปซื้อสินค้าในตลาดภาชีเท่านั้น โดยร้านค้าเมื่อรับคูปองแล้วก็นำมาแลกเป็นเงินสดที่ผม (ใช้งบประมาณส่วนตัว) เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนรูปแบบหนึ่ง รวมไปถึงการจัดงานต่างๆ ก็จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่เป็นหลัก การจัดงานวันเด็กก็เช่นกัน โดยจะให้พ่อค้าแม่ค้าตลาดภาชีมาจองบูธจำหน่ายสินค้า โดยเทศบาล แจกคูปองให้เด็กและผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรมและนำคูปองไปแลกอาหารและเครื่องดื่ม เป็นการให้ของขวัญกับเด็กและถือเป็นการสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้าตลาดภาชีไปในตัว

                “ผมยังพยายามควบคุมการค้าในตลาด อย่างเช่นตลาดนัด ซึ่งอาจจะสร้างความคึกคักให้กับประชาชนหรือชาวบ้านได้ก็จริง แต่พ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามาค้าขายส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ พูดตรงๆ ว่า พ่อค้าแม่ค้าตลาดภาชีก็คงรู้สึกไม่สบายใจ สิ่งนี้เราก็ต้องบริหารจัดการให้อยู่ในขอบเขตที่พอดี ชาวบ้านอยู่ได้ เพราะการมีตลาดนัด ถึงแม้พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่จะไม่ชอบ แต่คนจับจ่ายใช้สอยจะชอบ อาทิ เมื่อก่อนเทศบาลเคยไปประมูลที่ของการรถไฟ ไปประมูลเพื่อดูแลตลาดนัดเอง และให้มีแค่เฉพาะวันจันทร์กับวันเสาร์”

“โดยหากเทศบาลสามารถเก็บค่าเช่า 1 ล้านบาท และทางรถไฟเก็บค่าเช่ากับทางเทศบาล 1 ล้านบาท ก็ถือว่าเจ๊ากัน แต่หากเทศบาลเก็บค่าเช่า 1.2 ล้านบาท ก็จะได้กำไร โดยที่ตลาดนัดก็ยังมีอยู่เท่าเดิม และพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่หากเทศบาลปล่อยไม่ได้ไปประมูล แล้วมีเอกชนไปประมูล ซึ่งจะเอกชนจะมุ่งเน้นหากำไรเข้าตนเอง แล้วถ้า 7 วันให้มีการเปิดมี 5 นัด พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ก็ตาย แต่ให้ไม่มีเลยก็ไม่โอเค ทุกอย่างจึงต้องมีตรงกลาง คือมีได้แต่ต้องอยู่ในการควบคุม นายกสเกน บอกเล่าถึงการบริหารจัดการตลาดนัดและช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชนไปพร้อมๆ กัน

                ซึ่งการทำงานเทศบาลนอกจากการช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชน ในการหาช่องทางการค้าขายให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว ทางเทศบาลยังมีบทบาทช่วยเหลือด้านคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชนด้วย โดยนายกสเกน ได้เล่าว่า “ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือโควิด19 นั้น ได้ประสานหน่วยงานต่างๆ อาทิ โรงพยาบาลเอกชน ให้เข้ามาตรวจคัดกรองให้ประชาชนฟรี อีกทั้งยังเตรียมความพร้อมทีมงานลงพื้นที่ ตรวจ ATK ให้กับพี่น้องประชาชนเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งช่วงโควิด-19 ระบาดหนักๆ มีประชาชนมาใช้บริการเยอะมาก หากตรวจเจอ ก็จะดำเนินการต่อให้ไปในศูนย์พักคอย ซึ่งทางเทศบาลได้มีการจัดระบบเอาไว้เรียบร้อย หากจำเป็นต้องรักษาที่บ้าน ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้คำแนะนำตลอด รวมไปถึงเตรียมยาให้พร้อม เช่น ยาพาราเซตามอล หรือยาฟ้าทลายโจร เป็นการดูแลประชาชนให้ทั่วถึง รวมทั้งหากโรงพยาบาลมีผู้ป่วยที่ต้องดูแลเกินกำลัง เทศบาลก็พร้อมจะเป็นกำลังซัพพอร์ตให้กับโรงพยาบาลภาชี เป็นต้น

                จากผู้ไม่เคยสนใจเส้นทางการเมือง เมื่อได้มาอยู่ในเส้นทางการเมืองมาหลายสิบปี ทำให้มุมมองของนายกเอ เปลี่ยนไป ทำให้พบว่า นักการเมืองนั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนตัว ตนเป็นนักการเมืองที่อยากพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง ตนเองคิดว่าสิ่งนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เช่น เมื่อไม่นานมานี้ วัดไชยวัฒนาราม ไปตามกระแสของละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ซึ่งทางคุณนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้รณรงค์ให้มีการใส่ชุดไทย ตนก็เป็นผู้เสนอกับทางผู้ว่าฯ ให้มีการแต่งชุดไทยย้อนยุค ในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา เต็มยศและรณรงค์ให้เกิดกระแสทั้งบ้านทั้งเมือง

 รวมไปถึงยังมีแนวคิดการกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านการถ่ายรูปชุดไทยย้อนยุคถ่ายกับโบราณสถานในเมืองช่วงกลางคืน เพื่อนำภาพของนักท่องเที่ยวมาประกวดกัน รางวัลอาจไม่สูงมากนัก เป็นการกระตุ้นนักท่องเที่ยวจูงใจให้มาค้างคืนที่จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา สามารถสร้างรายได้ให้กับเจ้าของกิจการโรงแรม เป็นต้น เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของ นายกสเกน ที่ต้องการพัฒนาบ้านเมืองอย่างแท้จริง โดยนายกสเกน ยังบอกอีกว่า

“ผมเป็นคนภาชีตั้งแต่เกิด และผมคิดว่าตนเองจะอยู่ที่นี้ไปทั้งชีวิต ดังนั้น มีสิ่งใดที่ผมสามารถที่จะพัฒนา ทำให้กับบ้านเกิดเมืองนอนของผมมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ผมจะทำทันที โดยเฉพาะผมเองได้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวเรือในการบริหารบ้านเมืองของตนเอง ผมก็อยากทำงานให้เต็มความสามารถ เพราะผมเชื่อว่า เราโตที่ไหนหรือตายที่ไหน เราก็อยากทำให้ตรงนั้นมีความเจริญ ทุกคนน่าจะคิดแบบเดียวกัน อยู่ที่ว่า เขามีโอกาสได้ทำหรือไม่ ซึ่งผมได้มีโอกาสมาอยู่ในจุดนี้ ก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด

 เรื่องอุปสรรคปัญหาในการทำงานในตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลภาชี นายกสเกน ได้เล่าถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า ตอนเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ๆ จะมีปัญหาลูกน้องในสำนักงาน อาจพูดได้ว่า ไม่สามารถสั่งลูกน้องได้เลย ทุกคนพร้อมที่จะกระด้างกระเดื่อง ส่วนหนึ่งอาจมาจากตอนเข้ารับตำแหน่งอายุยังน้อย ยังไม่รู้อะไรมากนัก แต่เนื่องจากประชาชนเลือกมา ทำให้ต้องล้างกระดานจัดระเบียบข้าราชการกันใหม่ ถ้าคนไหนอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ต้องปรับเปลี่ยนโยกย้ายไปที่อื่น หรือบางอย่างต้องปราบก็จำเป็นต้องใช้ ไม้แข็งกันบ้าง เพื่อการทำงานอยู่ในร่องในรอย พออยู่ในร่องในรอยก็ส่งผลให้การบริหารงานดีขึ้น กลายเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ประชาชนสามารถสัมผัสได้

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 กันยายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...