ปัญหาหนี้สินกับเกษตรกร ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในกลุ่มเกษตรกรมาอย่างช้านาน และเป็นเรื่องที่หลายคนพยายามจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ แต่ถึงที่สุดแล้วปัญหาดังกล่าวก็เหมือนแก้ได้ไม่สุดทาง หรืออาจแก้ได้แค่บางส่วน แต่มีน้อยคนนักที่จะมองเห็นปัญหาของเกษตรกรอย่างท่องแท้ และช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและเข้มข้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนี้ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ผู้นั้นก็คือ ดร.จินดารัตน์ ถวิลเติมทรัพย์ อุปนายกสมาพันธ์เกษตรแห่งประเทศไทย หรือ “คุณดา” หนึ่งในผู้ทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในภารกิจอันเป็นเป้าหมายของเธอ คือการแก้ปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกรให้มีที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการทำงานที่จริงจังอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี ทำให้สามารถคืนที่ดินให้กับเกษตรกรได้สำเร็จ อีกทั้งเธอยังเป็นผู้ที่เข็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อเป็นอีกหนึ่งแสงสว่างในการช่วยเหลือเกษตกรอีกด้วย
โดย ดร.จินดารัตน์ดา ได้เล่าว่า มีพื้นเพเป็นคนจังหวัดอุดรธานี ซึ่งตอนยังเด็กที่บ้านค่อนข้างยากจน คุณแม่ทำอาชีพค้าขาย ด้วยเหตุนี้ทำให้ต้องทำงานทุกอย่าง อาทิ ทำงานบ้าน ทำอาหาร ได้หมดเลย ก่อนที่ต่อมาจะเดินทางมาเรียนที่กรุงเทพฯ จนจบปริญญาตรี วิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมาต่อปริญญาโท หลักสูตรคณะรัฐประศาสนศาสตร์ การจัดการภาครัฐและเอกชน ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า ก่อนจบปริญญาเอกที่ EASTERN ASIA UNIVERSITY
ด้วยความที่คุณดามีความรู้ที่หลากหลาย โดยหลักใหญ่สำคัญจะเชี่ยวชาญเรื่องที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรม เพราะหลังจากจบวิศวกรรมเคมี ที่จุฬาฯ ได้ร่วมกับเพื่อนจัดตั้ง บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT เป็นผู้นำตลาดเทคโนโลยีทำความสะอาดในกลุ่มอุตสาหกรรมการบริการและอาหารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป้าหมายการตั้งบริษัทนี้ คือการลดการนำเข้าสารเคมีทำความสะอาด เนื่องจากสมัยก่อน โรงแรมหรือโรงพยาบาล จะเน้นการนำเข้าน้ำยาทำความสะอาดจากต่างประเทศ แต่เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ บริษัทฯ ที่ตั้งขึ้นสามารถช่วยลดต้นทุนให้กับโรงพยาบาลและโรงแรม
“ตอนนี้บริษัทฯ มีจุดเด่น คือเราสามารถที่จะทำความสะอาดโดยไม่ใช่เคมีตามเทรนด์ของโลก Net Zero ต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราก็เตรียมตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาพอหลังระหว่างทาง เห็นว่าเกษตรกรเริ่มมีปัญหา เช่น มันสำปะหลังตกต่ำ ด้วยเหตุนี้จึงได้จัดตั้งบริษัท ไบโอ เอทธานอล (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นมาเพื่อที่จะแปรรูปมันสำปะหลังให้เป็น ETHANOL เมื่อโควิด-19 มา ทำให้บริษัทฯ ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการผลิตแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพื้นฐานในการใช้ยาฆ่าเชื้อโรคในปัจจุบันนี้”
คุณดา ได้เล่าถึงปัญหาเกษตรกรอีกว่า ในปี 2538 ได้เห็นปัญหาของเกษตรกรที่ถูกยึดที่ดินที่ทำกิน และเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำสังคม จึงได้ผลักดันให้รัฐบาลออกพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีเป้าหมายสำคัญที่จะรักษาที่ดินเกษตรกรไม่ให้ถูกยึด ซึ่งต่อมาก็ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็น อุปนายกสมาพันธ์เกษตรแห่งประเทศไทย หลังจากนั้นคุณดาจึงได้รวบรวมหนี้ทั้งหมด โดยเรียกสถาบันการเงินทั้งหมด เพื่อเอาหนี้ต่างๆ มารวมกัน ก่อนเข้า ครม. เมื่อปี 2552 ส่งผลให้ต่อมา ได้ผลักดันให้รวบรวมหนี้สินเกษตรกรจากสถาบันการเงิน 510,000 ราย เข้ามติ ครม.ซึ่งเร็วๆ นี้ เพิ่งคืนที่ดินให้เกษตรกรได้แล้ว 300,000 ไร่
โดยหลังจากนี้หากเกษตรกรเกิดปัญหา ก็ขอเสนอวิธีแก้รับมือกับปัญหา เริ่มต้นต้องไปขึ้นทะเบียนกับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งมีอยู่ทุกจังหวัดอยู่แล้ว เป็นการรักษาสิทธิ์และเข้าสู่ พ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เมื่อเกษตรกรได้เป็นสมาชิก พ.ร.บ.ฯ จะทำการคุ้มครองที่ดินให้กับเกษตรกร รวมไปถึงที่ดินที่กำลังจะถูกยึด ทางกองทุนฯ ก็จะไปไถ่ที่ดินของเกษตรกรคืนมาให้เกษตรกรมีที่ดินทำกิน อีกทั้งกองทุนฯ ยังสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกัน พร้อมเขียนแผนฟื้นฟู เพื่อให้ได้เงินจากกองทุนฯ เพื่อมาประกอบอาชีพ ยกตัวอย่างเช่น ชาวนา เขียนแผนและโครงการ ตั้งโรงสีข้าว รวมถึงยุ้งฉางและลานตาก เพื่อให้เกษตรกรไม่ถูกกดราคา เพราะเวลาเกี่ยวข้าว ข้าวออกพร้อมกันทั่วประเทศ เป็นโอกาสให้กับพ่อค้าหรือโรงสีต่างๆ ที่จะกดราคา การที่เกษตรกรมีโรงสี เกษตรกรสามารถเก็บไว้ก่อนได้ เพื่อนำมาขายช่วงที่ราคาข้าวดีได้
ต่อมาคุณดาก็ได้คิดไปอีกขั้นในการยกระดับสินค้าเกษตรไทย จากแนวคิดที่จะผลักดันสินค้าจากเกษตรกรไทย ให้สามารถขายได้ทั่วโลก จนจึงได้ไปผู้จัดอบรมสอนเกษตรกรเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อให้เกษตรกรได้ทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการสอนออนไลน์ฟรี
“อย่างลำปาง หลังจากขายออนไลน์ทำตลาดไปทั่วโลก ทำให้ยอดขายแตะถึงหลักล้านเลยค่ะ และเมื่อเร็วๆ นี้ได้ออกรายการทีวี ไปเปิดสอนออนไลน์มีคนที่สนใจ แต่ส่วนใหญ่เป็นคนแก่อายุเยอะ ที่ไม่อยากพึ่งพาลูกหลาน โทรศัพท์เข้ามา พี่ก็ส่งเข้ามาเรียนออนไลน์ อีกอันหนึ่งคือด้านสมุนไพรในการเอามารักษาโรค ตอนนี้ได้ร่วมทีมกับคุณหมอยงยุทธ วัชรดุลย์ ที่โรงพยาบาลศิริราช จัดตั้งสมาคมเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เป็นมะเร็งฟรี โดยใช้สมุนไพร ก็ประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน” คุณดา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ
คุณดา บอกอีกว่า นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ผลักดันโครงการเกษตรอินทรีย์ในปี 2538 ประกอบกับเร็วๆ นี้ ได้มีองค์กร มาขอซื้อคาร์บอนเครดิต โดยสนใจในสินค้าเกษตร เช่น ยางพารากับปาล์ม ซึ่งเขาจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เสริม ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกษตรกรมีสวนยาง 15 ปี เขาจะให้คาร์บอนเครดิตย้อนหลัง 5 ปี เห็นว่าสวนที่ใต้ได้เป็น 10 ล้านบาท ก็ได้ผลักดันโครงการนี้อยู่
อีกทั้งต้องการผลักดัน Soft Power อย่างเข้มข้นมากขึ้น เพราะไม่นานมานี้ได้มีกลุ่มคติชน หรือ Folklore ได้เดินทางมาประเทศไทย โดยคนเหล่านี้ที่ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นโอกาสที่สร้าง Soft Power เป็นจริงเป็นจังยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเข้ามาแล้ว 124 ประเทศ
ซึ่งอาหารถือเป็น Soft Power อย่างหนึ่ง ขณะที่หลายประเทศมีเป้าหมายที่ประเทศไทย เพราะประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตอาหารเลี้ยงชาวโลก ประกอบกับเกิดสงครามขึ้น ส่งผลให้อาหารขาดแคลนอย่างรุนแรง จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทย พร้อมสร้างโอกาสให้เกษตรกร อย่างไรก็ตาม เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีทุน ด้วยเหตุนี้คุณดาจึงเข้ามาช่วยด้านการตลาด อาทิ ส่งเสริมการปลูกผักที่ประเทศลาว พร้อมเหมาเครื่องบินส่งผลผลิตไปยุโรป ขณะที่ขาบินกลับจะนำสินค้า Duty Free เอาเข้ามาประเทศไทย เป็นการผลักดันภาคกการผลิตทางการเกษตร ให้เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอาหารในระดับโลก แต่สิ่งที่เป็นปัญหาของเกษตรกรที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ทำให้เกษตรกรถูกบีบบังคับให้ใช้สารเคมี ทำให้ดินเกิดความเสียหาย ส่งผลให้ผลผลิตตกต่ำ ดังนั้น คุณดาจึงผลักดันเกษตรอินทรีย์ พร้อมทำการทดลองเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิผลของการทำเกษตรอินทรีย์ ผลปรากฏว่าจากการทำเกษตรอินทรีย์ ผลผลิตต่อไร่จากข้าว 300 กิโลกรัมต่อไร่ กลายเป็น 1,200 กิโลกรัมต่อไร่
เห็นได้ว่า โดยส่วนใหญ่ คุณจินดารัตน์ จะเน้นทำงานสังคมเสียส่วนใหญ่ เพราะปีนี้เธอจะก้าวสู่อายุ 69 ปี ทำให้เธออยากทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข และทำให้สังคมก็มีความสุขด้วย ผ่านการถ่ายทอดความรู้ให้แก่สังคม ซึ่งคุณดา ไม่ค่อยสนใจกับธุรกิจเท่าไหร่นัก เนื่องจากปรัชญาชีวิตของเธอยึดมั่นว่า “เราเกิดมา พระเจ้าบอกว่า อย่าไปสั่งสมสมบัติ เพราะถ้าเราตายไป สุดท้ายเราก็เอาไปไม่ได้” ดังนั้น สิ่งที่เธอมีทั้งความรู้ความสามารถ ถ้าหากสามารถถ่ายทอดลงไปได้ ก็อาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ ซึ่งกลุ่มเกษตรกร เป็นกลุ่มที่พี่ดาให้ความสนใจและอยากให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากโอกาสที่เขาที่เข้าถึงทุนนั้นยากมากนั้นเอง
โดยสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ทำงานใหญ่ๆ สำเร็จมากมาย มีจุดเริ่มจากอุดมคติที่ว่า ที่เชื่อในความสามารถของตัวเองและมองเห็นโอกาสในทุกสถานการณ์ รับความผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การรักษาสมดุลในชีวิต โดยให้เวลาทั้งกับงาน ครอบครัว และการพัฒนาตนเอง พร้อมเลือกทำสิ่งที่ท้าทายและที่ทำให้คุณเติบโต เลือกสร้างสรรค์และไม่กลัวที่จะยุติมุมมองใหม่ สิ่งสำคัญคือยึดมั่นในที่ตัวเองและสร้างแรงบันดาลใจในทุกวัน เพื่อทำให้ความสำเร็จแบบเท่ๆ ให้เป็นความจริง พร้อมที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ให้พลังและการเป็นกลางในการจัดการกับความท้าทาย
“ก่อนหน้านี้พี่ก็ได้ไปเรียนออนไลน์ คนอายุเยอะอย่างพี่เรื่องเทคโนโลยีไม่อยากเรียน พี่เลือกที่จะถ่อมใจและไปนั่งเรียนกับน้องๆ เขา ให้เขาสอนด้วย ก็เราไม่รู้ พอเรียนเสร็จก็จะถ่ายทอดความรู้ อย่าคิดว่าฉันเป็นดอกเตอร์จะไม่กล้าถามใคร และพี่ก็ยอมรับว่าพี่ไม่รู้เรื่องสอนพี่หน่อย ก็ให้เขาสอน เราเลือกทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้วดีกว่า การเป็นผู้นำต้องเป็นลักษณะนี้” คุณจินดารัตน์ บอกถึงวิธีคิดแบบน้ำไม่เต็มแก้วและรู้จักที่จะไข่วคว้าหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ
แน่นอนด้วยหน้าที่ที่คุณดาได้รับผิดชอบ ย่อมต้องเจอกับแรงกดดันจนเกิดเป็นความเครียด ซึ่งเวลาพบเจอกับความเครียด คุณดาบอกว่า จะฝึกสมาธิหรือการหาวิธีที่ช่วยลดความเครียด เช่น การหายใจลึกๆ หรือถ้าหากมีงานเข้ามามากๆ ก็ต้องพยายามไม่ทำทุกอย่างในทันที แบ่งงานออกเป็นช่วงๆ การแบ่งปันความรู้สึกกับคนที่ไว้วางใจ หรือพิจารณาการได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการออกกำลังกายก็สามารถช่วยลดความเครียดได้เช่นกัน
ทั้งนี้ คุณดาได้ขอขอบคุณ พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีส่วนผลักดัน พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและเกษตรกร จนสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรไทยมีแสงสว่างในชีวิตได้อย่างทุกวันนี้ สำหรับเกษตรกรท่านใดที่กำลังประสบปัญหาต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่ ID line : dr lydis2525 0968068383 มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่ง สมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อเราจะร่วมฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน