ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พรรครวมไทยสร้างชาติ
11 ก.ย. 2567

ตลอดในแวดวงการเมืองที่เคยเห็นมา เราคงคุ้นชินกับนักการเมืองรุ่นเก๋าที่มีอายุระดับหนึ่ง สะท้อนถึงความภูมิฐานมากประสบการณ์ในเส้นทางการเมือง แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปกับวิถีการเมืองที่เปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่เริ่มให้ความสนใจการเมืองมากขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนสายเลือดใหม่เริ่มเข้ามาทำงานทางการเมืองมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งคนรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่เพียงมีความคิดใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังอาจเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในอนาคตได้เห็นความสำคัญของการเมืองได้อีกด้วย

 อปท.นิวส์เชิญเป็นแขกฉบับนี้ จึงขอนำท่านผู้อ่านไปรู้จักกับ น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ หรือ คุณวรรณ หนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 และเป็นหนึ่งในสาวนักธุรกิจรุ่นใหม่มากความสามารถที่ประสบความสำเร็จในสายธุรกิจมาแล้ว ก่อนที่เธอจะหันมาเดินเส้นทางการเมืองตามรอยคุณพ่อ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” อดีต สส.อุตรดิตถ์หลายสมัย แม้ชั่วโมงบินทางการเมืองของเธออาจไม่มากมายเหมือนคนอื่น แต่ด้วยความสามารถที่เป็นยอมรับจากทุกๆ คน ทำให้เธอเป็นที่ยอมรับและยังคงทำงานทางการเมืองอยู่ในปัจจุบัน  

โดยพื้นเพของคุณจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ เธอบอกว่า เป็นคนกรุงเทพฯ ที่บ้านมีธุรกิจเกี่ยวกับโรงงานผลิตแม่พิมพ์และชิ้นส่วนยานยนต์ ตอนเรียนประถมศึกษา ได้เรียนที่โรงเรียนสมถวิล ส่วนตอนมัธยมศึกษา เรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ก่อนที่จะจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ ABAC คณะภาษาอังกฤษ ธุรกิจ เอกการตลาด ก่อนจะศึกษาต่อปริญญาโท ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ NIDA คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริการ

และถึงแม้จะเป็นคนกรุงเทพฯ แต่บ้านของคุณแม่อยู่ที่จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่า “เมืองท่าแห่งทิศเหนือ หรือเมืองพระยาพิชัย เมืองแห่งยอดนักสู้” อย่างอุตรดิตถ์ ทำให้ตอนเด็กๆ ตอนปิดเทอมหรือช่วงโอกาสสำคัญต่างๆ ก็ได้ไปอุตรดิตถ์อยู่บ่อยๆ โดย คุณวรรณ ได้บอกอีกว่า

                “ตอนเรียนอยู่ที่ ABAC มีความตั้งใจว่า เรียนจบมาจะมาช่วยงานโรงงานที่บ้านต่อ ซึ่งก็ได้ช่วยงานที่บ้านจริงๆ โดยได้ทำในตำแหน่ง Marketing ดูแลยอดขายของโรงงาน โดยทำตั้งแต่เจ้าหน้าที่เล็กๆ จนไต่ขึ้นมาจนได้เป็นผู้บริหาร และยังได้ดูแลยอดขายทั้งหมดของทั้งโรงงาน”

                คุณวรรณ บอกต่อว่า หลังจากได้ช่วยธุรกิจที่บ้านซักพัก ก็ได้มีโอกาสทำธุรกิจของตนเอง ซึ่งมีอยู่หลายธุรกิจ เหมือนเป็นการลองผิดลองถูก หนึ่งในธุรกิจที่เคยทำคือ ธุรกิจแฟรนไชส์ ประเภทเครื่องดื่ม ตอนที่ทำสามารถขยายสาขาได้ถึง 20 สาขา มีโอกาสเปิดที่สนามบิน แต่หลังจากได้มีทำงานเส้นทางการเมือง จะได้ให้ทางคุณพ่อมาช่วยทำต่อ นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาเป็นที่ปรึกษาการตลาดให้กับอีกหลายบริษัทอีกด้วย

                ด้านจุดเปลี่ยนที่ทำให้ได้เดินเส้นทางทางการเมือง มีต้นทุนมาจากที่คุณพ่อหรือ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” ท่านเป็น สส. สังกัดพรรคเพื่อไทย ทำให้มีโอกาสเห็นคุณพ่อลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีโอกาสช่วยคุณพ่อลงพื้นที่ช่วงหาเสียง รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตร หรือช่วยประชาชน เวลาเจออุทกภัยหรือภัยแล้งต่างๆ ส่งผลให้เกิดการซึมซับการเป็นจิตอาสาใน DNA โดยไม่รู้ตัว ประกอบกับได้มีโอกาสได้ทำงานช่วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในตำแหน่งเลขาธิการ YEC กรุงเทพมหานคร หรือกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กรุงเทพมหานคร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

ซึ่งหากถามว่า ตอนนั้นสนใจการเมืองไหม ยอมรับว่าก็มีความสนใจมาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะเล่นการเมือง จนเมื่อได้เจอ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ช่วงนั้นเขากำลังก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งแต่เดิมทั้งตัวเธอและคุณธนาธร อยู่ในสมาคมชิ้นส่วนยานยนต์มาด้วยกัน ทำให้รู้จักคุ้นเคยกัน และต่อมาเขาได้ขอเข้าพบ กลุ่ม YEC ทำให้ได้พูดคุยกัน ก่อนที่เวลาต่อมาจะมาชักชวนให้ช่วยสร้างพรรคอนาคตใหม่กัน ด้วยเหตุนี้ทางพรรคฯ จึงได้ใหลองสมัครในตำแหน่ง กรรมการบริหารพรรค สุดท้ายก็ได้รับโหวต และถูกเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่สัดส่วนที่ประชุมใหญ่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้เข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัว

                โดยหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค คือการประชุมนโยบายและวางกรอบการเดิน รวมไปถึงการได้ดำรงตำแหน่งกรรมการสรรหา สภาผู้แทนราษฎร นายทะเบียนชั่วคราวของพรรค ซึ่งตอนนั้นมีการเลือกตั้งภายในหรือการลงทะเบียนออนไลน์ ก่อนที่ต่อมาได้รับตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการพรรค มีหน้าที่บริหารพรรค ในการดูภาพรวมของพรรค รวมทั้งบริหารคนภายใน ต่อมีปี 2562 ก็ได้เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครฯ ของพรรคอนาคตใหม่

                และเนื่องจากคุณพ่อเป็น สส.เขต มาก่อน ทำให้มีความเชี่ยวชาญระดับหนึ่ง จึงทำให้ได้รับโอกาสจากทางพรรคในการรับตำแหน่ง และสามารถสำเร็จตามเป้า ซึ่งโชคดีที่ได้ร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ เพราะทำให้ได้แสดงศักยภาพออกมา หากไปอยู่พรรคอื่นอาจไม่ได้ขนาดนี้ ถือเป็นการทำงานที่สนุกมากและประทับใจมาก

                ด้านมุมมองตอนเป็นนักธุรกิจและมาเป็นนักการเมืองเมือง ทำให้มีมุมมองที่เปลี่ยนไป และได้เห็นอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านปัญหาของประชาชน เพราะการทำหน้าที่ช่วงที่เป็น สส.เขต คือการลงพื้นที่หรือการอยู่กับชาวบ้าน บางครั้งไปที่ตลาดเราก็จะได้รับความเห็นจากชาวบ้านว่าเกิดปัญหาอะไรบ้าง พอวันหนึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ช่วงแรกๆ ก็เรียนรู้กฎระเบียบของสภา และมีอำนาจอะไรบ้างที่จะช่วยเหลือได้มากขึ้น รวมถึงการศึกษานิติบัญญัติ ในช่วงแรกต้องใช้เวลาปรับตัว  พอที่จะเริ่มจับทางได้ ก็พยายามผลักดันเรื่องต่างๆ

                “ถ้าเราช่วยคนตอนอยู่ข้างนอก แต่เราไม่มีอำนาจ อาจช่วยได้ระดับหนึ่งหรือทางอ้อม แต่ถ้าเราเข้าใจปัญหาและมีความสามารถมากพอ ก็จะดีกว่าและช่วยคนส่วนมากได้ดีกว่า การประสานงานในฐานะของคนธรรมดาเราอาจรับการช่วยเหลือเท่าที่ควร แต่หากเราได้เป็น สส. ประสานงานราชการ ในการช่วยเหลือสาธารณชน เราก็จะความช่วยเหลือเร็วขึ้น หรือแม้ใช้เครื่องมือในสภาเช่นการหารือ หรือการผลักดันผ่านกรรมาธิการ” คุณจารุวรรณ เผยมุมมองที่แตกต่างระหว่างนักการเมืองกับบุคคลทั่วไป

                คุณวรรณ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากพรรคอนาคตใหม่โดนยุบ และตัวเธอถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี แต่ถึงจะถูกตัดสิทธิ ถึงกระนั้นก็ยังคงทำงานอยู่ในสภาฯ อยู่ ในฐานะของที่ปรึกษากรรมาธิการ เลขาฯ ประจำคณะกรรมาธิการ ก่อนที่ล่าสุดจะได้รับตำแหน่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 อยู่ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ

 ซึ่งก็ต้องขอบคุณพรรครวมไทยสร้างชาติที่ให้โอกาสตนได้ดูด้านงบประมาณแผ่นดิน ต้องยอมรับว่า ที่ได้รับตำแหน่งนี้เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่คุณพ่อได้ย้ายพรรคมาอยู่รวมไทยสร้างชาติ และเห็นว่าตัวเธอมีความสามารถ จึงอยากให้ทำงานทางการเมืองต่อ ซึ่งที่ผ่านมา มีผลงานที่เคยขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนในฐานะประธานอนุกรรมาธิการ เพื่อมีอำนาจและหน้าที่ในการพิจารณาศึกษาและติดตามโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยคุณวรรณ บอกอีกว่า

                “ตลอดเส้นทางทางการเมือง เราได้เคยดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมธิการ ศึกษาโรงไฟฟ้าชุมชน ถือเป็นตำแหน่งได้ทำงานอย่างจริงจัง เนื่องจากได้เป็นประธานทำให้สามารถกำหนดทิศทาง รวมถึงศึกษา ถือว่าเป็นโครงการที่ดีมากๆ ซึ่งจะรับหน้าที่เพื่อที่จะช่วยกันศึกษารวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้อง เราเองก็ไม่แน่ใจว่า รัฐบาลที่ผลักดันนโยบายนี้มีการศึกษาแบบใดมา ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการศึกษาเพิ่มเติมว่า นโยบายของรัฐบาลที่ให้มา เมื่อลงพื้นที่ไปดูงาน เรียกผู้เชี่ยวชาญ ทั้งประชาชนฝั่งเอกชน รวมไปถึงชาวบ้านต่างๆ มาวิเคราะห์เพื่อสะท้อนให้ทางกระทรวงฯ ข้อดีข้อเสียที่เราทำมาเป็นอย่างไร และใครได้เปรียบเสียเปรียบ และจะทำอย่างไรให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ”

                คุณวรรณ บอกเสริมว่า กระบวนการทำงานนั้น ในแง่ของกระทรวงฯ การเรียกระทรวงต่างๆ มาพูดคุยบางครั้งอาจยาก แต่ในฐานะที่ตอนยังเป็น สส. ในกรรมาธิการ ทำให้มีสิทธิที่จะรวมคนผู้ที่เกี่ยวข้องได้ง่าย พร้อมกับได้รับรู้ความเห็นจากประชาชนจริงๆ ต่างจากการเรียกปลัดจากระทรวงต่างๆ มาคุยกัน ก็จะเป็นการพูดคุยแบบราชการคุยกัน แต่ในห้องกรรมธิการ ก็จะได้พบเจอกับชาวบ้าน ทำให้ได้สัมผัสจริงๆ

                จะเรื่องราวทั้งหมด เราคงพูดไม่เกินจริงว่า คุณจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจและนักการเมืองรุ่นใหม่ที่น่าจับตา โดยเธอจะมาถึงจุดนี้ได้นั้น คุณวรรณได้บอกแนวคิดกับเราอีกหน่อยว่า ถ้าเราจินตนาการถึงสิ่งใดเราจะทำได้ คิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ที่จินตนาการถึงมันหรือเปล่า เราต้องการมันจริงหรือไม่ สิ่งต่อมาคือต้องลงมือทำ ถ้าคิดว่าเราทำได้ เราก็ต้องอดทนทำ มันก็จะเกิดความสำเร็จ อาทิ อยากเป็นเจ้าของร้านอาหาร ถ้าจินตนาการอยากมีร้านอาหาร และถ้าเริ่มมีความสนใจก็ต้องเริ่มศึกษาว่า มีพนักงานกี่คน เขามีกี่โต๊ะ ขายอะไร เขาอะไรทำไมถึงขายดี แล้วเมื่อเราคลุกคลีกับมันนาน ๆ พร้อมกับจินตนาการและลงมือทำอย่างจริง สุดท้ายสิ่งที่จินตนาการจะแปรเปลี่ยนเป็นความสำเร็จ ขณะเดียวกันถ้าหากไม่ลงมือทำและไม่จินตนาการถึงมัน มันก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการทำอะไรให้สำเร็จก็ต้องพบเจออุปสรรคปัญหาอยู่เสมอ ซึ่งคุณวรรณ ได้กล่าวปิดท้ายว่า

                “เวลาเจออุปสรรค เบื้องต้นจะนิ่งก่อน พยายามกำหนดลมหายใจ ต่อมาจะเริ่มคิดบวกและพยายามไม่คิดลบ เริ่มจัดการกับอารมณ์ของตนเองก่อน พอเราไม่อยู่ในสถานการณ์ที่เราคิดลบตลอดเวลา เราก็จะคิดหาทางออกได้ เช่น เรื่องนี้ปรึกษาพ่อดีกว่า เรื่องนี้ปรึกษาพี่คนนี้ดีกว่า เขาเก่งเรื่องนี้ เราก็จะเริ่มหาคำแนะนำ หรือไปพบใคร หรืออยู่ตรงไหนเพื่อให้แก้ปัญหาที่เราจะอยากจะแก้ได้ และเมื่อเริ่มเร็วเกินไปก็ต้องดึงตัวเองให้ช้าลง แล้วมันก็จะดีขึ้น อันนี้ปรับมาเรื่อยๆ”

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 กันยายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...