วันนี้ 25 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทย และประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก ที่ได้รับใบอนุญาตให้ปลูกกัญชารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย กล่าวว่า จากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยได้ระบุเอาไว้ตอนหนึ่งว่าการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในทางเศรษฐกิจและควบคุมผลกระทบทางสังคม โดยการตรากฎหมายนั้น ล่าสุดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการ นำร่างพระราชบัญญัติ พรบ. กัญชา-กัญชง มาเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับกัญชา นั้น
นายกรัฐมนตรี ควรจัดเป็นวาระเร่งด่วน ดูตามกรอบปฎิบัติแล้วใช้เวลานานมาก ตามระบบรัฐสภาไทย 12 เดือนไม่ทราบว่าจะจบหรือไม่ ควรใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน จะดีมาก เพราะปัจจุบันระบบการควบคุมกัญชาไทยอยู่ในช่วงสุญญากาศ ทั้งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดความเสียหายมากทั้งส่วนราคา และการส่งออก
เดิม นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาเพียงสั้นๆ จะประกาศเป็นยาเสพติด แต่ พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)มีลักษณะความตาม พ.ร.บ.ฯ ทั่วๆ ไป ที่มีวิธีการเขียนแบบปกติ แต่เนื้อหาในนิยามบางส่วน หรือบทลงโทษ รวมถึงบางหมวด ควรมีการแก้ไข
ผมในฐานะประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทย และประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ปลูกกัญชารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1.กรอบเวลา พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับ สธ.ควรใช้เวลาสั้นที่สุดเพื่อเยียวยาเรื่องที่ผ่านมา และเร่งรัดอนาคตพืชเศษรฐกิจกัญชา ก่อนที่ประเทศเพื่อนบ้านจะนำหน้าเราไปสู่ตลาดยุโรป
2.บทลงโทษน้อยไป ไม่เข้มแข็ง ไม่น่ากลัว ไม่รุนแรง ไม่ครอบคลุม แค่พักใช้ใบอนุญาต เลิกใบอนุญาต แล้วพวกไม่มีใบอนุญาตต้องทำอย่างไร การลงโทษกับบุคคลที่ไม่ได้รับใบอนุญาตปลูกและขาย ควรมีบทลงโทษที่รุนแรง และหากเป็นต่างชาติที่ลักลอบปลูกแข่งกับเกษตรกรไทยควรมีบทลงโทษในรูปแบบสากล ซึ่งปัจจุบันไม่มีบทลงโทษกับบุคคลเหล่านี้เลย ส่วนผู้ที่ลงทุนไปแล้วนับพันล้านก็จะถูกเอาเปรียบ จากสิ่งเหล่านี้
3.ใคร ก็ปลูกได้ แต่ไม่คุมมาตรฐาน ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดไว้ 3 ประเภท ประกอบด้วย ประเภท ที่ 1 เนื้อที่ 5 ไร่ ประเภท ที่ 5 เนื้อที่ 20 ไร่ และประเภทที่ 20 เนื้อที่ 400 ไร่ สิ่งที่ควรดำเนินการที่สุดคือการควบคุมมาตรฐาน การปลูก ผลผลิต วิธีการปลูก และการพัฒนาสายพันธุ์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดกับการประกอบอาชีพปลูกกัญชา ซึ่งอยากให้คณะกรรมการออก พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพิ่มมาตรการการควบคุมมาตรฐาน เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการกำหนดประเภท เพราะถึงอย่างไร ใน 3 ประเภทที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดไว้ ถ้าปลูกกัญชาแล้วไม่มีคุณภาพ ไม่มีมาตรฐานก็ไม่สามารถขายทั้งในและต่างประเทศได้เด็ดขาด การทำทุกเรื่องให้มันยากย่อมควบคุมได้ดีกว่า เพราะปัจจุบันทุกอย่างง่ายไปหมด จนทำให้ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีคุณภาพของกัญชาไทยในปัจจุบันเลย
4.การควบคุมดอกกัญชานำเข้าจากต่างประเทศ ราคาถูกมาก ตีตลาดของเกษตรกรไทย เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาต่ำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับศุลกากร ต้องเข้มงวด พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ได้กล่าวถึง หรือแก้ไขให้ชัดเจน สิ่งนี้ควรต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วย
5.การปล่อยให้ฟาร์มกัญชาเถื่อน ที่มีชาวต่างชาติ เวียดนาม จีน ต่างด้าว ที่เข้ามาปลูกแบบไร้มาตรฐาน กระทรวงสาธารณสุขต้องปราบปรามให้สิ้นซาก เพราะพวกนี้ทำให้กัญชาไร้คุณภาพ ใช้ปุ๋ยเร่งดอก ใช้เคมีปลูกทั้งหมด เร่งใบ เร่งดอก ส่งออกภายใต้ประเทศไทย โกงหน่วยไฟฟ้า ทำจนต้นทุนถูกมาก เกษตรกรไทยต้องปิดกิจการไปหลายราย นับเป็นหายนะทางพืชกัญชา และเศรษฐกิจกัญชาไทยที่จะต้องเสียหายในอนาคต พ.ร.บ.ฉบับนี้ ควรพิจารณาในเรื่องนี้เป็นองค์ประกอบหลักด้วยเช่นเดียวกัน
6.ควรควบคุมสถานะผู้ปลูกให้เป็นเฉพาะวิสาหกิจชุมชนเท่านั้น ให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายและความต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลตามนัยยะของการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน เป็นการทำให้ประชาชนและเกษตรกรระดับรากหญ้ามีรายได้ แต่หากถ้ามีบริษัทฯ หรือนักลงทุนทำธุรกิจนี้ เกษตรกรไทยเตรียมปิดตัวเช่นเดียวกัน เพราะการลงทุน การดำเนินกิจการเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จะต่างกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ควรให้โอกาส ให้ความหวังกับประชาชนและเกษตรกรในระดับรากหญ้า ได้เข้าถึงพืชเศรษฐกิจกัญชา ให้มีความหวังร่วมกับนโยบายของพรรคการเมืองที่ได้แถลงเอาไว้ต่อไป