ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ขอชี้แจงในกรณีที่เกิดขึ้นว่า ฝายยางลำโดมใหญ่ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและใช้งานมาตั้งแต่ปี 2530 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี มีลักษณะเป็นฝายยางชนิดพองด้วยลม ความยาวสันฝาย 60 เมตร ความสูง 4 เมตร ประกอบด้วย ฝายสันแข็ง (คอนกรีตเสริมเหล็ก) สูง 1 เมตร และตัวยาง สูง 3 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ประมาณ 1,272,000 ลูกบาศก์เมตร โดยเมื่อปี 2554 ได้รับงบประมาณ เพื่อทำการเปลี่ยนตัวยางของฝายยางลำโดมใหญ่และแล้วเสร็จในปีเดียวกัน
ทั้งนี้ โครงการชลประทานอุบลราชธานี ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบฝายยางตามที่เป็นข่าวอย่างละเอียด เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ไม่พบว่าฝายยางมีรอยรั่วซึมหรือชำรุดเสียหายแต่อย่างใด ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเก็บกักเหนือฝายยางประมาณ 1,113,000 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 88 ของความจุ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์น้ำดีมาก ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา การอุปโภคบริโภค และการเกษตรของประชาชนที่อยู่เหนือฝายยางตลอดในช่วงฤดูแล้งนี้ นอกจากนี้ ยังได้บริหารจัดการน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ในลำน้ำ ช่วยรักษาคุณภาพน้ำไม่ให้เกิดน้ำเน่าเสีย เพราะมีการเคลื่อนไหวของน้ำตลอดเวลา สำหรับการบริหารจัดการน้ำของฝายยางลำโดมใหญ่(บ้านหนองแสง)อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) ซึ่งได้มีมติยกฝายยางขึ้น(พองลมฝายยาง) ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบปัญหาในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน