นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่นางสาว ปณิดา ยศปัญญา นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และนางสาวณัฐกานต์ หมื่นพล อดีตลูกจ้างศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดขอนแก่น ออกมาเปิดโปงการทุจริตปลอมแปลงเอกสารรับเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย และผู้ป่วยเอดส์ของศูนย์ฯ จนมีการตรวจสอบพบการทุจริตอีกหลายสิบจังหวัดว่า
การที่พนักงาน ข้าราชการในหน่วยงานเป็นผู้ทุจริต หรือมีส่วนร่วมกับการทุจริตคงมีอีกมากมายหลายหน่วยงาน คงไม่ใช่มีเฉพาะที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง สังกัดกระทรวงพัฒนสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เท่านั้น เชื่อว่าการทุจริตคงเกิดขึ้นอีกมากมายในหลายหน่วยงาน แต่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณชน
การทุจริตที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์เป็นที่รับรู้ของสาธารณะ เพราะมีคนภายในองค์กร คือนักศึกษาฝึกงาน และอดีตลูกจ้าง นำข้อมูลการทุจริตมาเปิดเผย แต่กว่าจะนำข้อมูลทุจริตออกมาเปิดเผยได้ ก็ถูกหน่วงเหนี่ยวขัดขวางกลั่นแกล้งจนแทบหมดกำลังใจ แม้แต่นักศึกษาฝึกงานนำข้อมูลทุจริตไปบอกอาจารย์ แทนที่อาจารย์จะสนับสนุนให้ต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง อาจารย์กลับมีพฤติกรรมขัดขวางนักศึกษาที่มีจิตใจกล้าหาญ ไม่ยอมก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้อง จนนักศึกษาฝึกงาน และอดีตลูกจ้างต้องไปหาช่องทางเปิดโปงการโกงเงินคนจนครั้งนี้ด้วยความยากลำบาก
เพื่อให้การป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการต่างๆ เกิดประสิทธิภาพ ขอฝากให้รัฐบาลนำกรณีโกงเงินคนจนมาเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างกลไกและกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตในหน่วยงานราชการต่างๆ พร้อมทั้งมีมาตรการคุ้มครองลูกจ้าง พนักงาน และข้าราชการดีๆ ที่ปฏิเสธการทุจริตให้มีช่องทางอย่างเป็นทางการ ที่จะแจ้งเบาะแสการทุจริต เพื่อจัดการกับข้าราชการที่เลวร้ายในหน่วยราชการได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกจ้าง พนักงาน ข้าราชการดีๆ รวมถึงนักศึกษาฝึกงานที่ถึงแม้จะเข้าไปฝึกงานในหน่วยงานราชการต่างๆ เพียงช่วงสั้นๆ ต้องแสวงหาช่องทางในการแจ้งเบาะแสตามลำพัง
การสร้างกลไกและกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนทุจริตในหน่วยงานราชการพร้อมทั้งมาตรการคุ้มครองที่เข้มแข็ง จะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกจ้าง พนักงาน ข้าราชการ ไม่ต้องเกรงกลัวที่จะหลีกเลี่ยงปฏิเสธที่จะต้องทำการทุจริตตามคำสั่งของข้าราชการระดับสูงอีกต่อไป ซึ่งจะช่วยทำให้มีคนกล้าออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตมากขึ้นอย่างแน่นอน อันทำให้การป้องกันปราบปรามการทุจริตในแวดวงราชการเกิดประสิทธิภาพตามมาในที่สุด