ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนและทางโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 กรณี ขบวนการค้าชิ้นส่วนมนุษย์ ขโมยรก - สายสะดือไปขายทำสเต็มเซลล์ วันนี้ วันที่ 28 ตุลาคม 2567 อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้มอบหมายให้ พนักงานเจ้าหน้าที่กลุ่มตรวจสอบและปราบปรามการกระทำความผิดทางโซเชียล ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานงานคณะกรรมการอาหารและยา เข้าดำเนินการตรวจสอบสถานพยาบาล ชื่อ ไลฟ์บาลานซ์คลินิกเทคนิคการแพทย์ ตั้งอยู่เลขที่ 882/14 ซอยพหลโธิน 32 ถนนเสนานิคม 1 แขวงเสนานิคม เขตจัตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมี บริษัท ไลฟ์ บาลานซ์ เมธโธดอลโลจี จำกัด เป็นผู้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ใบอนุญาตเลขที่ 10107000557 และมีนางสาวภาสินี ช่วยชู เป็นผู้รับอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาล ใบอนุญาตเลขที่ 10107000666 เปิดทำการ จันทร์-เสาว์ เวลา 09.00-18.00 น. หยุดวันอาทิตย์ โดยทางสถานพยาบาลได้มีการขออนุญาตด้านสถานที่ ดังนี้
ชั้น 1 เป็นที่เก็บเวชระเบียนและที่พักคอยผู้รับบริการ ชั้นลอย มี 1 ห้องเจาะเลือด ชั้น 2 เป็นห้องประชุม และ ชั้น 3 มี 1 ห้องแล็บ ซึ่งขณะทำการตรวจสอบพบว่า ทางสถานพยาบาลได้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจากที่ได้มีการขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานสถานพยาบาล ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งคณะพนักงานเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ดำเนินการให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามมาตรฐาน
และพนักงานเจ้าหน้าที่กลุ่มตรวจสอบและปราบปรามการกระทำความผิดทางโซเชียล ตรวจสอบการโฆษณาทางโซเชียลพบว่า
ไลฟ์บาลานซ์คลินิกเทคนิคการแพทย์ มีการโฆษาสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการโฆษณาสถานพยาบาล เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 4 ช่องทาง ดังนี้
1. ช่องทางเว็บไซต์
2. ช่องทางอินสตาแกรม
3. ช่องทางเฟซบุ๊ก
4. ช่องทางไลน์
ส่วนผลการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พบมีการทำผลิตภัณฑ์สเต็มเซลส์ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิดดังนี้
1. ข้อหาผลิตยาแผนปัจจุบัน โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 12 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตามมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. ข้อหาผลิต หรือขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ตามมาตรา 72 (4) ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 122
ซึ่งกลุ่มตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดทางโซเชียล จะดำเนินการเชิญสถายพยบาล มาสอบสวน และดำเนินส่งคณะกรรมการเปรียบเทียบคดี เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
****************************
กลุ่มตรวจสอบและปราบปราม
การกระทำความผิดทางโซเชียล
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ